วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

2 นายพลตำรวจฉาวพัวพันอภิมหาบ่อน “พระราม 9-รัชดา” ขุมทรัพย์ใหญ่เบื้องหลังรวยมหาศาล (ดีโพลมา2670.ร่วมกับสื่อสยามข่าวมวลชน(รายงาน)

2 นายพลตำรวจฉาวพัวพันอภิมหาบ่อน “พระราม 9-รัชดา” ขุมทรัพย์ใหญ่เบื้องหลังรวยมหาศาล (ดีโพลมา2670.ร่วมกับสื่อสยามข่าวมวลชน(รายงาน)

บ่อนพระราม 9 หรือบ่อนโคลอนเซ่ จึงถือเป็นขุมทรัพย์ของตำรวจใหญ่และนักการเมืองในช่วงนั้น และเป็นที่มาของข่าวปล่อยแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญเพื่อไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่ง 
    
       ในตำนานบ่อนเมืองหลวง หากเอ่ยชื่อ “บ่อนพระราม 9” หรือ “บ่อนโคลอนเซ่” ไม่ มีเซียนพนันคนไหนไม่รู้จัก เพราะอภิมหาบ่อนแห่งนี้ถือว่าหรูหราทันสมัย และใหญ่โตที่สุดเท่าที่เคยมีกาสิโนเกิดขึ้นในประเทศไทย ความยิ่งใหญ่อลังการนั้นแน่นอนว่าหากไม่แน่จริงไม่ใหญ่จริงรับรองไม่มีวัน เกิดขึ้นได้ และเบื้องหน้าเบื้องหลังอภิมหาบ่อนพระราม 9 ที่ถูกปิดตายในปี 2554 ยังคงมีเรื่องราวต่างๆ มีเบื้องหน้าเบื้องหลังชวนติดตามเป็นอย่างยิ่ง
    
       บ่อนแห่งนี้เกิดจากแนวคิดของ “พล.ต.ต. (ก.)” นาย ตำรวจคนหนึ่งที่คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงพนัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของบ่อน นักเล่นขาใหญ่หรือกระทั่งนักธุรกิจที่มีรสนิยมชื่นชอบการได้เสียต้องเคย สัมผัสกับเขา จากที่เคยแนะนำให้พรรคพวกเปิดบ่อนพนันและคอยเก็บค่าคุ้มครอง “พล.ต.ต.(ก.)” อาศัยจังหวะที่เพื่อนคนสนิทอยู่ในช่วงขาขึ้นของอำนาจ นอกจากจะเป็นหน่วยงานอำนาจล้นมือแบบครอบจักรวาลแล้วยังมีตัวเชื่อมไปยัง นักการเมืองคนสำคัญของพรรคการเมืองใหญ่
    
       อำนาจตำรวจมีแล้ว นักการเมืองที่คอยป้องคอยบังมีแล้ว กองบัญชาการตำรวจนครบาล สมัย พล.ต.ท.จเป็น ผบช.น.หรือจะมีปัญหาอะไร เมื่อพร้อมทุกสิ่งจึงเป็นการระดมหานายทุนปรากฏว่าได้ “เสี่ยจ. บางนา” ทายาทร้านขายทองชื่อดังเข้ามาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ พร้อมด้วย “เสี่ย ถ. ประตูน้ำ”และ“เจ๊ ฮุ.” เป็นผู้เช่าขอนบาคาร่า เพราะทั้ง 1 เฮียกับ 1 เจ๊ มีขาพนันอยู่ในมือมากมายโดยเฉพาะรายหลังถึงกับวางมือจากบ่อนเขมรชั่วคราวลง มาปักหลักอยู่ที่บ่อนพระราม 9
    
       ราวต้นปี 2553 อภิมหาบ่อนแห่งใหม่ที่มีเบื้องหลังจากตำรวจใหญ่ 2 นาย คือ “พล.ต.ท.(พ.)” กับ “พล.ต.ต.(ก.)” ก็ เริ่มขึ้นโดยเลือกใช้สถานบริการอบอบนวดโคลอนเซ่ ติดกับถนนพระราม 9 เขตห้วยขวาง กทม.เป็นแหล่งทองคำ เปิดบริการเซียนพนันด้วยโต๊ะบาคาร่า แบบโต๊ะเล็กจำนวนกว่า 100 โต๊ะ และโต๊ะวีไอพีอีก 10 โต๊ะโดยรายละเอียดต่างๆสำหรับโต๊ะเล็กก็คือเจ้ามืออั้นคนแทงไม่เกินครั้งละ 1 แสนบาท ส่วนโต๊ะใหญ่อั้นครั้งละไม่เกิน 5 แสนบาทซึ่งทำให้เกิดส่วนต่างของค่าเช่าจึงอยู่ที่โต๊ะเล็กต่อขอนต่อ 8 ชั่วโมงค่าเช่า 150,000 บาท โต๊ะวีไอพี.อยู่ที่ 200,000-300,000 บาทขึ้นอยู่กับรอบในแต่ละวัน รอบละ 8 ชั่วโมงแบ่งเป็นรอบเช้า บ่ายและดึกโดยช่วงพาร์มไทม์ หรือช่วง 14.00-22.00 น.ราคาจะสูงที่สุด และเมื่อรวมกับค่าต๋งต่างๆไม่ว่าจะเป็นการพนันกำถั่ว บ่อนไฮโลหรือแม้แต่ตู้สลอต ตู้ม้า
    
       เฉลี่ยแล้ววันหนึ่งจะมีเงินหมุนเวียนเป็นค่าส่วยแก่ตำรวจไม่ต่ำกว่าวันละ 50 ล้านบาท
    
       บ่อนพระราม 9 หรือบ่อนโคลอนเซ่ จึงถือเป็นขุมทรัพย์ของตำรวจใหญ่และนักการเมืองในช่วงนั้น และเป็นที่มาของข่าวปล่อยแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญเพื่อไม่ให้ใครกล้าเข้ามายุ่ง และยิ่งนับวันความโด่งดังของบ่อนนี้จะถูกสังคมมองด้วยความสงสัยเพราะเปิด บริการกันอย่างโจ๋งครึ่ม รถเก๋งขาพนันจอดแน่นขนัด ไม่เว้นลานบนดาดฟ้าซึ่งผู้ขับขี่รถบนทางด่วนศรีนครินทร์-บางนา สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน 
    
       รวมถึงข่าวอันไม่เป็นมงคลที่ถูกแอบอ้างก็แพร่กระจายไปทุกหย่อมหญ้า จนใก้ลวันเปลี่ยนผ่านของอำนาจการเมือง วันที่ 9 พ.ค. 2554
    
       กระทั่งผ่านการเลือกตั้งทั่วประเทศพรรคใหญ่ ได้เป็นรัฐบาลปัญหาบ่อนพระราม 9 ที่โด่งดังเป็นพลุแตกถูกหยิบขึ้นมาเล่นอีกทำให้บรรรดานายทุนบ่อนพระราม 9 และนายตำรวจใหญ่หลายคนลงความเห็นว่าบ่อนพระราม 9 ชื่อเสียงโด่งดังเกินไปแล้วจึงสมควรย้ายไปยังแห่งใหม่อยู่ระหว่างซอยรัชดาฯ 14-16 หรือมีชื่อเรียกใหม่ว่า “บ่อนรัชดา”เพื่อไม่ให้มีใครเอ่ยถึงอภิมหาบ่อนนี้อีกต่อไป
    
       พูดง่ายๆ ก็คือ กลยุทธ์ของเจ้าของบ่อนโดยความรู้เห็นเป็นใจกับตำรวจเพื่อต้องการให้ลดกระแส แต่กลับกลายเป็น “แผล” ที่มีนักเลงดีขุดคุ้ยไม่ยอมจบโดยเที่ยวนี้นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ นักการเมืองชื่อดังเป็นคนเอา คลิปลับ ออกมาแฉ
    
       ข้อเท็จจริงถึงความเป็นมาของบ่อนพระราม 9 โดยมีต้นคิดมาจากนายตำรวจใหญ่ 2 คนคือ “พล.ต.ท. (พ.)” กับ “พล.ต.ต.(ก.)” นั้นถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของวงการตำรวจไทย ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และถ้าไม่ใช่บุคคลที่เชี่ยวชาญกับการพนัน รู้หาผลประโยชน์จากสิ่งผิดกฎหมายอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่วมกับคนที่กล้าใช้อำนาจของตัว และกล้าแอบอ้างถึงบุคคลชั้นสูงบ่อนพนันในลักษณะนี้ก็คงไม่มีวันเกิดขึ้นได้ ง่ายๆ
    
       เมื่อลองคิดตัวเลขคร่าวๆ ของผลประโยชน์ที่ได้รับตลอดเวลาของการเปิดบ่อนพนันพระราม 9 ต้องมีเม็ดเงินหมุนจากนักเล่นมาเข้ากระเป๋าสองนายตำรวจใหญ่ไม่ต่ำกว่าหลัก พันล้านบาทขึ้นไป แม้จะคิดเป็นค้าเบี้ยใบ้รายทางแก่ตำรวจคนอื่นๆที่เกี่ยวข้องด้วย รวมทั้งนักการเมืองที่ร่วมขบวนการ ก็ยังนับได้ว่าเงินก้อนใหญ่ เงินบาปจากบรรดาผีพนันตกอยู่กับ “พล.ต.ท. (พ.)” และ “พล.ต.ต. (ก.)” มากที่สุด
    
       เพราะเขาคือเจ้าของบ่อนตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการขับเคลื่อนทั้งหมด
    
       ผลของการปราบปรามอย่างเด็ดขาดครั้งนี้น่าจะเป็นบทเรียนให้ใครต่อใคร โดยเฉพาะตำรวจ หรือบุคคลอื่นๆ ที่คิดใช้อำนาจหน้าที่ รวมทั้งแอบอ้างไปถึงบุคคลที่ 3 ไม่ว่าจะสำคัญขนาดไหนก็ตาม อาจจะมีผลทันตาอย่างกรณีที่กำลังเป็นข่าวครึกโครมอยู่ในขณะนี้ 
ขอขอบคุณที่มาของข่าว/ภาพจากผู้ที่มีชื่ออยู่ด้านล่างนี้ทุกๆท่าน 
  http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9570000135121           
ถ่ายทอดโดย.....                                   
ทีมงาน น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์  (ดีโพลมา2670.ร่วมกับสื่อสยามข่าวมวลชน(รายงาน)
ดังมีรายนามดังนี้....   บ.ก.เกรียงไกร   พรเทพ(บรรณาธิการดีโพลมานิวส์และฯลฯ)
รองฯกรรณชัย(นามปากกา “ผู้กองแอ๊ด”) รองฯบ.ก.ดีโพลมานิวส์(ดูแลข่าวตำรวจ) 
นามปากกา เดอะกะตะ(บ.ก.สื่อสยามข่าวมวลชน) จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ)
บุญรุ่ง พวงทอง(คนเดลิมิเร่อร์) ผู้ช่วย บ.ก.(น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์)
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”) ปฐมภพ(นามปากกา "คนสายกลาง")      
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ (ฝ่ายกฎหมาย)
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรีโทร.099-2612588                                     
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่งดังมีรายนามต่อไปนี้
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์  และ dpmnews - dmnnews - diplomanews
และข่าวชมรมนักข่าว2000, และ ข่าวศูนย์วิทยุ (ทาง)ช้างเผือก และ
ข่าวชมรมนักข่าวช่วยสังคม..อีเมล์...diplomanews@gmail.com
ข่าวชมรมนั่งสมาธิปกป้องสถาบัน,และ “สื่อสยามข่าวมวลชน”
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น