กรมคุ้มครองสิทธิฯเยียวยาแพะคดียาเสพติด 3 แสนบาท หลังติดคุกฟรี 554 วัน
หารือสภาทนายฯฟ้องตำรวจออกหมายจับ วันนี้ (4 ก.ย.) พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
พร้อมด้วยนางจันทร์ชม จินตยานนท์ ผอ.สำนักงานช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหาย
และจำเลยในคดีอาญา(สชง.)มอบเงินจำนาน 316,450 บาท แบ่งเป็นค่าทดแทนการ
ถูกคุมขังจำนวน 111,000 บาท ค่าขาดประโยชน์ทำมาหากินจำนวน 105,450 บาท
และค่าทนายความจำนวน 100,000 บาท เพื่อช่วยเหลือเยียวยาให้กับนายอนุกูล นิธินุ
ศากร หรือ นายอาทิตย์ สุริยา อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 113 หมู่ 3 ต.ป่าไผ่
อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ซึ่งถูกคุมขัง
ภายในเรือนจำเป็นเวลา 554 วัน ภายหลังศาลพิพากษายกฟ้อง ตามประมวลกฎหมาย
วิธีพิจารณาความอาญา พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 ก.ย.53 เจ้าหน้าที่ กก.1
บก.ปส.3 ทำการจับกุมนายมนตรี ศรีละโคตร และนายสมบูรณ์ พลเอี่ยม พร้อมของ
กลางยาบ้าจำนวน 7,000 เม็ด ซึ่งซุกซ่อนมาในลังบรรจุผลไม้ จากนั้นได้ทำการขยาย
ผลจับกุมไปยังนายอนุกูล นิธินุศากร หรือ นายอาทิตย์ สุริยา ผู้เสียหาย พร้อมแจ้ง
ความดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันมีไว้ครอบครองเพื่อจำหน่าย ยาเสพติดให้โทษประเภท
1 โดยในชั้นสอบสวนผู้เสียหายให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องมาโดยตลอด พร้อม
ยื่นขอประกันตัว แต่ก็ไม่ได้รับการประกันตัวเป็นเหตุให้ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำเป็นเวลา 554 วัน ต่อมาศาลได้พิพากษาตัดสินยกฟ้องแก่ผู้เสียหาย สำนักงานช่วยเหลือทางการ
เงินแก่ผู้เสียหายและจำเลยในคดีอาญา กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวง
ยุติธรรม จึงได้พิจารณาช่วยเหลือเยียวยาแก่ผู้เสียหายเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 316,450
บาท นอกจากนี้ จะทำการช่วยเหลือในด้านกฎหมายหรือจัดหาทนายความ ในกรณี
หากผู้เสียหายต้องการฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ ด้านนายอนุกูล เปิดเผยว่า ตนได้ทำบัตรประจำตัวประชาชนหายเมื่อปี 51 โดยได้
ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.สันทราย จ.เชียงใหม่ จากนั้นก็ได้ทำการเปลี่ยนชื่อ-สกุล
ใหม่ จากนายอาทิตย์ สุริยา เป็น นายอนุกูล นิธินุศากร ก่อนจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ
กก.1 บก.ปส.3 จับกุมเมื่อวันที่ 26 ม.ค.54 โดยสาเหตุเกิดจากขบวนการค้ายาเสพติด
ใช้สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนใบที่หายของตน แนบไปกับเอกสารการว่าจ้างส่ง
สินค้าซึ่งซุกซ่อนยาเสพติดไว้ จึงทำให้ พ.ต.ท.อำนวย พรประเสริฐ พนักงานสอบสวน
บก.ปส.3 ออกหมายจับกุมตนในคดียาเสพติด โดยระหว่างการสอบสวนตนให้การ
ปฏิเสธมาโดยตลอด พร้อมมีพยานมายืนยันว่าไม่ได้อยู่ในขบวนการยาเสพติด แต่
พนักงานสอบสวนไม่เชื่อ แถมยังเร่งทำสำนวนส่งให้อัยการยื่นฟ้องต่อศาล แต่เมื่อศาล
ทำการสืบพยานต่างๆ และสุดท้ายมีคำพิพากษายกฟ้อง ทำให้ตนพ้นความผิดและ
กลับเป็นผู้บริสุทธิ์อีกครั้งหนึ่ง ทั้งนี้ ตนได้หารือกับสภาทนายความแล้ว โดยขณะนี้อยู่
ระหว่างการเตรียมข้อมูล ว่าจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายกับ พ.ต.ท.อำนวย พรประเสริฐ
พนักงานสอบสวน บก.ปส.3 ซึ่งเป็นผู้ขออนุมัติออกหมายจับต่อไป
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น