วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

“วรพงษ์” น้อยใจถูกด่าตร.ชั่ว(ดีโพลมา1699)

“วรพงษ์” น้อยใจถูกด่าตร.ชั่ว(ดีโพลมา1699)

กสม.เรียกตำรวจ-ม็อบถกรับมือการชุมนุมชัทดาวน์ กทม. ทนาย คปท. ชี้เหตุปะทะไทย-ญี่ปุ่นเพราะตำรวจโหดซ้อมผู้ชุมนุมรุนแรง ฝากถ้าจะจับกุมให้ประสานมา จะได้ชี้แจงมวลชนลดตึงเครียด ด้าน “วรพงษ์” อ้างสลายม็อบทำตามหลักสากล ยันไม่ได้รับใช้รัฐบาลทรราชย์ ปัดใช้ปืนเอ็ม 16 น้อยใจ “สุเทพ” ทำถูกด่าตำรวจชั่ว เผย 13 ม.ค. ไม่ใช้กำลังควบคุมฝูงชนแล้ว เปลี่ยนมาใช้สายตรวจแล้วเรียกทหารคุมม็อบแทน
       

       วันนี้ (10 ม.ค.) นพ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการสิทธิพลเมืองและสิทธทางการเมือง ได้เป็นประธานในที่ประชุมเพื่อหารือถึงแนวทางการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐและภาคประชาชนในช่วงที่มีการชุมนุมปิดกรุงเทพมหานคร ในวันที่ 13 ม.ค. โดยมี พล.ต.อ.วรพงษ์ ชิวปรีชา รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.อำนาจ อันอาตม์งาม ผช.ผบ.ตร เป็นตัวแทนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความกลุ่ม คปท., นายชัยยุทธ ชาญณรงค์ ซึ่งเป็นตัวแทนของนายถาวร เสนเนียม แกนนำกลุ่ม กปปส. และอาสาสมัครภาคประชาชน เข้าร่วมการประชุม รวมทั้งนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธาน กสม. ได้เข้ามาสังเกตุการณ์การประชุมครั้งนี้ด้วย
      
       โดย นพ.นิรันดร์ กล่าวว่า ประเด็นในการประชุมนี้ จัดขึ้นมาเพราะกลุ่ม กปปส. ได้ประกาศชุมนุมปิดกรุงเทพฯ ในวันที่ 13 ม.ค. นี้ โดยหลายฝ่ายมีข้อกังวลว่าอาจเกิดเหตุความรุนแรง เหมือนกรณีที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหงและสนามราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งเป็นการชุมนุมจนมีผู้บาดเจ็บล้มตาย ดังนั้นกสม.ในฐานะองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน จึงต้องเป็นตัวกลางเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก จึงอยากให้ทุกฝ่ายที่ได้เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ได้ชี้แจงถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาของการชุมนุมและแนวทางการชุมนุมที่จะมีขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 ม.ค.
      
       น.ส.พวงทิพย์ กล่าวว่า การชุมนุมที่ศูนย์เยาวชนฯ กลุ่ม คปท. ไม่ได้มีเจตนาให้เกิดความรุนแรง เพียงแค่เป็นการชุมนุมแสดงพลังและไม่ต้องการให้มีการจัดการเลือกตั้ง แต่กรณีที่เกิดความรุนแรงขึ้นเพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ซึ่งประชาชนที่ไปเข้าร่วมการชุมนุมแทบไม่ได้มีใครเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง อย่างหน้ากากป้องกันแก๊สน้ำตา อย่างไรก็ตามพอมีเหตุการณ์ความรุนแรงขึ้น ทางแกนนำ คปท. ได้พยายามประกาศให้ประชาชนออกจากพื้นที่ แต่มีประชาชนบางส่วนไม่ยอมกลับ เนื่องจากในขณะนั้นมีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมและซ้อมผู้ชุมนุมอย่างรุนแรง ตนจึงอยากฝากไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจให้หาตัวผู้กระทำการดังกล่าว ซึ่งหากให้เกิดกรณีนี้ประชาชนจะไม่สบายใจ
      
       ดังนั้นจึงอยากฝากว่า การชุมนุมในวันที่ 13 ม.ค. นี้ ถ้าหากมีการจับกุมผู้ชุมนุม ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประสานมายังตน เพื่อที่ตนจะได้ทราบสถานที่ที่คุมตัว และไปเข้าร่วมรับฟังการไต่สวน จะได้นำมาชี้แจงต่อผู้ชุมนุม และยังช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายได้ อีกทั้งหากมีการสลายการชุมนุมจริง ก็ขอให้ใช้มาตรการตามหลักสากล ลดการใช้แก๊สน้ำตาหรือกระสุนยาง ยิ่งเป็นกระสุนจริงก็ไม่สมควรมีในการสลายการชุมนุม
      
       ด้าน พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า ในใจลึกๆ ของตำรวจไม่มีใครอยากทำร้ายประชาชน ไม่มีใครอย่ามาเสี่ยงกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมามีอดีต ผบ.ตร. อดีต ผบ.ชน. ถูกไล่ออกจากราชการหลายราย ที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ไม่ให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มผู้ชุมนุมได้ แน่นอนที่สุดฝ่ายตำรวจพยายามศึกษาเรียนรู้และให้การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ตนพยายามฝึกตำรวจตลอด เพราะในภาระหน้าที่ของเราการชุมนุมถือเป็นสิทธิโดยชอบของผู้ชุมนุม ดังนั้นหน้าที่ของตำรวจ คือ การดูแลอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยของกลุ่มผู้ชุมนุม และการรักษารักษาความปลอดภัยให้กับประชาชนทั่วไป
      
       พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวต่อว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นคือการให้คำจำกัดความของคำว่าการชุมนุมโดยสงบ คือแค่ไหนเพียงใด ในส่วนของตำรวจเองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทั้งที่สะพานอรทัย ทำเนียบรัฐบาล สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดง ไม่ใช่กรณีที่ตำรวจสลายการชุมนุมเพราะตำรวจอยู่ในที่ตั้ง และรักษาพื้นที่ตามกฎหมายเท่านั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนทำให้มีการใช้ความรุนแรงเพราะมีผู้พยายามที่จะบุกเข้ามา เรายึดหลักว่าการบุกรุกสถานที่ราชการเป็นการชุมนุมโดยไม่สงบ จึงต้องใช้การควบคุมฝูงชน แต่เป็นมาตรการที่ยึดตามหลักสากล ขององค์การสหประชาชาติ
      
       “ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ได้รับใช้รัฐบาลทรราชย์ตามที่กล่าวหา ผมทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่ปี 2549 รับใช้มาทุกรัฐบาล สมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำหน้าที่อยู่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็อยู่ด้วยกัน มากินนอนด้วยกัน เวลาต้องการกำลังก็บอกให้ผมเอามา จึงสั่งให้ตำรวจ 2 หมื่นนายเข้าปฏิบัติหน้าที่ในปี 2553 จนลูกน้องต้องตายไป 4-5 คน มาผิดใจกันก็ตรงที่นายสุเทพบอกว่าให้ตำรวจใช้ปืนเอ็ม 16 ซึ่งผมยืนยันไปว่าไม่สามารถทำให้ได้ เพราะตำรวจไม่ได้ถูกฝึกใช้อาวุธแบบทหาร มาถึงรัฐบาลนี้มาบอกว่าเป็นตำรวจชั่ว ตำรวจเลว ยืนยันทำตามหน้าที่ เป็นแบบนี้หมดกำลังใจเหมือนกัน” พล.ต.อ.วรพงษ์กล่าว
      
       ส่วนข้อกังวลที่ว่าอาจจะเกิดการปะทะระหว่างกลุ่ม กปปส. กับกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น พล.ต.อ.วรพงษ์ กล่าวว่า เราจะเน้นการข่าวว่ามีจริงหรือไม่ และยับยั้ง ซึ่งเป็นนโยบายที่ชัดเจนว่าเราจะเน้นการเจรจา ถ้าไม่ได้จึงจะจับกุม ตั้งด่านสกัดในบริเวณต่างๆ ทั้งนี้ถ้าเราได้รับความร่วมมือจากกลุ่มผู้ชุมนุมให้เราตั้งด่านได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใกล้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ได้เลย
      
       ด้าน พล.ต.ท.อำนาจ ระบุว่า การชุมนุมครั้งนี้ แตกต่างจากในอดีตตรงที่การ์ด กองกำลัง และอาวุธที่ใช้ในการชุมนุม เพราะถ้าไม่ใช้สิ่งเหล่านี้ จำนวนคนไม่ว่าจะเป็นแสนคน เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ สำหรับการชุมนุมในวันที่ 13 ม.ค. นี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ใช้กองกำลังควบคุมฝูงชน แต่จะใช้สายตรวจตามปกติ และขอกำลังเจ้าหน้าที่ทหารมาช่วยดูแล เพื่อไม่ให้เกิดกระทบกระทั่งกัน ส่วนการจราจรนั้น มีผลกระทบที่ชัดเจน ซึ่งได้วางมาตรการเส้นทางเลื่ยง พร้อมกับจัดที่จอดรถเพื่อให้ประชาชนนำรถมาจอดก่อนที่จะขึ้นรถไฟฟ้าหรือใต้ดินเพื่อเข้าพื้นที่ ขณะที่การลำเลียงคนป่วยนั้น คาดว่าจะเกิดปัญหาการจราจร จึงเตรียมการขนส่งผู้ป่วยทางเฮลิคอปเตอร์ รับส่งที่สนามบุญยจินดา และ กองปราบปราม เชื่อว่าจากการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถรับมือต่อสถานการณ์ได้หากสถานการณ์ไม่ถูกยกระดับ
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชัยยุทธ ซึ่งเป็นตัวแทนจากกลุ่ม กปปส. ไม่ประสงค์จะร่วมชี้แจงในการประชุม เนื่องจากไม่ทราบแนวทางในการเคลื่อนไหวของกลุ่ม กปปส. ในวันที่ 13 ม.ค. นี้ อีกทั้งยังได้รับมอบหมายจากนายถาวร แค่เพียงให้มาสังเกตการณ์การประชุมเท่านั้น โดยหลังจากเสร็จสิ้นการประชุม นพ.นิรันดร์ ได้นัดผู้ที่เกี่ยวข้องให้ประชุมหารืออีกครั้งในวันที่ 12 ม.ค. ส่วนสถานที่และเวลายังไม่ได้กำหนด
      
       คำต่อคำ น.ส.พวงทิพย์ บุญสนอง ทนายความเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ชี้แจงต่อ กสม.
      
       “ณ วันนั้นก็คือคนที่ถูกจับไป 14 คนโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจรุมซ้อม รุมซ้อมอย่างรุนแรง เหมือนไม่ใช่คน ก็คือใช้คอมแบทเหยียบหัว ใช้ปืนยาวกระแทกหัว ใช้โล่ห์กระแทก ส่วนนี้อยากให้ทางผู้บังคับบัญชาได้หาตัวคนทำผิดด้วย เพราะว่าผู้บาดเจ็บเองเขาก็บอกว่า เขาจำหน้าไม่ได้ เพราะว่ามีการใส่หน้ากาก แล้วก็ไม่มีชื่อ บางคนก็ไม่เห็นสังกัด
      
       ปัญหาของทนายความที่เกิดขึ้น ณ ตอนนั้นก็คือ พยายามที่จะสอบถามไปทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ได้พาผู้ที่ถูกจับไปที่ไหน แล้วก็จะเข้าไปเจรจาขอประกันตัว แล้วก็ขอรับฟังการสอบสวนด้วย แต่ว่า ณ ตอนนั้นก็คือ ไม่ทราบท่านไหนจะเป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ ซึ่งถ้าความจริงมันยังไม่ปรากฎว่าตัวที่ถูกจับไปที่ไหน มวลชนก็ยังไม่สบายใจ เพราะว่ามวลชนเขาเห็นว่าถูกจับไปจริงๆ แล้วก็ทราบว่าขึ้น ฮ. ไป แต่ไม่ทราบว่าอยู่จุดไหน
      
       ณ ตอนนั้นก็คืออยู่แค่ผู้ชุมนุมแค่ 14 คนเป็นผู้ต้องหาที่โดนกระทำ โดนซ้อมแล้ว แต่ว่ายังไม่มีทนายความหรือว่าผู้ที่เขาไว้วางใจเข้ามาช่วยเหลือ แต่ว่าเมื่อพี่นิติธร (ล้ำเหลือ) ได้โทร. ประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วก็พี่นิติธรก็ได้พูดขึ้นบนรถขยายเสียงว่า ตอนนี้เราได้ประสานแล้ว ว่าตัวผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ที่ ตชด. ภาค 1 แล้วก็จะส่งดิฉันไปช่วยออกมา สถานการณ์ก็เลยคลี่คลายมากขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คือ ยังมีมวลชนบางส่วนที่ยังไม่ยอม
      
       เมื่อเคลื่อนออกมาที่กองทัพบก (สโมสรกองทัพบก) แล้วก็คือทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจโกธรแค้นที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ก็เลยออกมาตีประชาชน แล้วก็ทำลายทรัพย์สิน ตีรถพยาบาล อันนี้มีภาพ มีเป็นคลิป ตีรถพยาบาล แล้วก็มีการใช้กระสุนจริงยิงไปที่ผู้ป่วยที่อยู่ในรถพยาบาล อันนี้ท่านตรวจสอบได้ แล้วก็ประสานไปทาง ส.ว.ของคุณไพบูลย์ นิติตะวันได้
      
       ยังไงอยากฝากว่าถ้าเกิดมีการจับกุมครั้งใหม่ ขอให้ท่านช่วยประสานมาทางดิฉันด้วย ลูกน้องท่านน่าจะมีอยู่แล้ว มันอาจจะช่วยให้สถานการณ์คลี่คลายมากขึ้น ส่วนการชุมนุมครั้งต่อไปก็คืออยากให้ตำรวจใช้มาตรการ ถ้าเกิดจำเป็นต้องสลายจริงๆ ก็อยากจะให้ใช้มาตรการตามหลักสากลจริงๆ
      
       แล้วก็เรื่องสารสีม่วงอยากจะให้ชี้แจงด้วยว่าคืออะไร หรือว่าถ้าไม่ใช้จะได้ไหม หรือว่าแก๊สน้ำตาใช้น้อยลงได้ไหม ใช้เฉพาะที่จำเป็นจริงๆ กระสุนยางไม่ใช้ได้ไหม แล้วก็กระสุนจริง มันไม่ควรมีอยู่ในการชุมนุมอยู่แล้ว หรือว่าในการสลายการชุมนุมไม่ควรจะมีอยู่แล้ว คือตำรวจอาจจะบอกว่าใช้ในการป้องกันชีวิตของตำรวจเอง ก็คืออยากจะให้กำชับในการตัดสินใจว่าจะใช้หรือไม่ใช้ในการป้องกันตัวเอง”
 
ขอขอบคุณที่มาของข่าว/ภาพจากผู้ที่มีชื่ออยู่ด้านล่างนี้ทุกๆท่าน
 http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9570000003544
ถ่ายทอดโดย.....                                
ทีมงาน น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา1699) มีรายนามดังนี้....   
บ.ก.เกรียงไกร   พรเทพ ( บรรณาธิการ )โทร.081 – 7713997
ผช.กรรณชัย(นามปากกา “ผู้กองแอ๊ด”) ผู้ช่วยบ.ก.ดูแลข่าวตำรวจ 
และ รักษาการ หัวหน้าข่าวการเมือง
อภินันทร์(นามปากกา “อัจฉริยะ”)ปฐมภพ(นามว่า "คนสายกลาง")      
จตุพล (นามปากกา “อัพเดท”) สุจิตรา  (นามปากกา “หญิงเหล็ก”) 
กิตกวี (นามปากกา  “clover gens”) (ยังมีต่ออีกมาก)
ตรวจสอบรายชื่อที่เหลือได้ที่โทร.081 - 7713997
ผู้ที่ไม่มีชื่อแสดงว่าไม่ใช่ผู้สื่อข่าวของเรา
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่งดังมีรายนามต่อไปนี้
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์  และ dpmnews - dmnnews - diplomanews
และข่าวชมรมนักข่าว2000, และ ข่าวศูนย์วิทยุ (ทาง)ช้างเผือก และ
ข่าวชมรมนักข่าวช่วยสังคม..อีเมล์...diplomanews@gmail.com
ติดตามผลงาน“ชมรมนั่งสมาธิปกป้องสถาบันได้ใน FACEBOOK
เรามีแว๊บไซ้ท์ในเครือนับสิบๆแว๊บไซ้ท์และพันธมิตรสื่อฯอีกนับร้อย
เรายังมีคอลัมน์ในสื่อดังๆต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก โดยพิมพ์หาคำว่า
“น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์” หรือคำว่า  “diplomanews”ในสื่อนั้นๆ
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น