จับผู้ต้องหาและพาทัวร์ให้ระวัง(นี่คือคอลัมน์ดีที่จะแนะนำให้ท่านอ่าน)
สวัสดีพี่น้องทนายคลายทุกข์ ทาง E-Magazine ทุกท่าน
ทนายคลายทุกข์ขอส่ง บทความที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเรื่อง จับผู้ต้องหาและพาทัวร์ให้ระวัง
ตำรวจจับผู้ต้องหาในคดีอาญาแล้วพาทัวร์ ไม่ส่งโรงพัก ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พยานหลักฐานที่ได้มา รับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาไว้แล้วดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4277/2555
ป.วิ.อ. มาตรา 84 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้เจ้าพนักงานผู้ทำการจับต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนโดยทันที การที่พยานโจทก์กับพวกไม่ได้นำ ฉ. และจำเลยพร้อมของกลางส่งมอบแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุในทันที แต่กลับนำ ฉ. และจำเลยไปตรวจปัสสาวะและสารเสพติด จากนั้นนำสถานที่ตำรวจทางหลวง 1 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 อีกหลายชั่วโมง จึงได้นำบุคคลทั้งสองไปส่งมอบแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไม่ปรากฎเหตุผลและความจำเป็นใดๆ ที่ต้องทำเช่นนั้น การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการขัดต่อ ป.วิ.อ.มาตรา 84 วรรคหนึ่ง
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.25522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ.มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี กำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ภายในกำหนด 1 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ.มาตรา 29,30 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม(2), 66 วรรคสอง ประกอบป.อ.มาตรา 83,91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 7 ปี และปรับ 400,000 บาท อีกกระทงหนึ่ง กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เป็นระยะเวลาไม่เกินสองปี ยกคำขอริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “..พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ฎีกาโต้เถียงกันฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง พันตำรวจโทประเจตและดาบตำรวจบุญเชิดกับพวกร่วมกันจับกุมจำเลยและนาย ฉ. จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 260/2549 ศาลจังหวัดชลบุรีแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 97 เม็ด โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองคำ 1 องค์ และรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน คธบ ชล 850 เป็นของกลาง แจ้งข้อหาว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพเมทแอมเฟตามีน ตามบัญชีของกลางคดีอาญาและบันทึกการจับกุม เอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะพันตำรวจโท ป.และดาบตำรวจ บ.เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า ในขณะตรวจค้นนาย ฉ.และจำเลยในที่เกิดเหตุนั้นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 70 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงขนมยี่ห้อเทสโต้ ซึ่งถืออยู่ในมือของนาย ฉ. และพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 27 เม็ด ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อยู่ในกระเป๋ากางเกงหน้าด้านขวาของจำเลยก็ตาม แต่พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวก็เบิกความตอบทนายความจำเลยถามค้าน ยอมรับว่าไม่ได้เป็นผู้ตรวจค้นนาย ฉ. และจำเลยด้วยตนเอง ซึ่งโจทก์ก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าเหตุใดจึงไม่นำเจ้าพนักงานตำรวจผู้ตรวจค้นนาย ฉ.และจำเลยมาเบิกความยืนยันในเรื่องนี้ อีกทั้งเจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่ได้ยึดถุงขนมยี่ห้อเทสโต้และกระดาษหนังสือพิมพ์ที่บรรจุเมทแอมเฟตามีนเป็นของกลาง แต่กลับนำเมทแอมเฟตามีนที่ยึดได้จากนาย ฉ.และจำเลยมารวมกัน และส่งมอบแก่เจ้าพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ก่อนจับกุมนาย ฉ.และจำเลยก็ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องหรือไม่อย่างไร คงได้ความเพียงว่าสายลับติดต่อล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องทางโทรศัพท์เคลื่อนที่จากนาย ฉ. เพียงคนเดียว อีกทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวนไม่มากถึงขนาดที่ นาย ฉ. และจำเลยจะต้องแบ่งแยกกันครอบครองซึ่งไม่สะดวกแก่การส่งมอบให้แก่สายลับ ที่สำคัญเมื่อค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางได้ที่นาย ฉ.และจำเลยในที่เกิดเหตุแล้ว พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวกับพวกก็ไม่ได้นำ นาย ฉ.และจำเลยพร้อมของกลางส่งมอบแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุในทันที แต่กลับนำ นาย ฉ. และจำเลยไปตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด จากนั้นยังนำ นาย ฉ. และจำเลยไปที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และควบคุมบุคคลทั้งสองไว้ที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 อีกหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณ 21 นาฬิกา จึงได้นำบุคคลทั้งสองไปส่งมอบแก่เจ้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไม่ปรากฏเหตุผลและความจำเป็นใดๆ ที่ต้องทำเช่นนั้น แต่กลับได้จากพันตำรวจโท ป. ตอบทนายความจำเลยถามค้านและตอบโจทก์ถามติงว่า เหตุที่นำ นาย ฉ. และจำเลยไปที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 ก็เพื่อทำบันทึกการจับกุม ทำประวัติอาชญากรและสืบสวนขยายผลซึ่งเป็นการสะดวกกว่าที่จะทำการดังกล่าวที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เห็นว่า นอกจากจะเป็นการขัดต่อ ป.วิ.อ.มาตรา 84 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานผู้ทำการจับต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนโดยทันทีแล้ว ข้อที่ว่าการกระทำการดังกล่าวที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 จะเป็นการสะดวกกว่าทำที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ส่วนบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.4 ที่ระบุว่า จำเลยให้การรับสารภาพ นั้นก็ไม่สามารถนำมารับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 84 วรรคสุดท้าย ดังนั้น พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำความผิดกับ นาย ฉ. ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
ด้วยความปรารถนาดี
จาก ทีมงานทนายคลายทุกข์
ทนายคลายทุกข์ขอส่ง บทความที่มีประโยชน์เกี่ยวกับเรื่อง จับผู้ต้องหาและพาทัวร์ให้ระวัง
ตำรวจจับผู้ต้องหาในคดีอาญาแล้วพาทัวร์ ไม่ส่งโรงพัก ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พยานหลักฐานที่ได้มา รับฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาไว้แล้วดังนี้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4277/2555
ป.วิ.อ. มาตรา 84 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้เจ้าพนักงานผู้ทำการจับต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนโดยทันที การที่พยานโจทก์กับพวกไม่ได้นำ ฉ. และจำเลยพร้อมของกลางส่งมอบแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุในทันที แต่กลับนำ ฉ. และจำเลยไปตรวจปัสสาวะและสารเสพติด จากนั้นนำสถานที่ตำรวจทางหลวง 1 เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และควบคุมตัวไว้ที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 อีกหลายชั่วโมง จึงได้นำบุคคลทั้งสองไปส่งมอบแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไม่ปรากฎเหตุผลและความจำเป็นใดๆ ที่ต้องทำเช่นนั้น การกระทำดังกล่าวจึงเป็นการขัดต่อ ป.วิ.อ.มาตรา 84 วรรคหนึ่ง
โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.25522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน ส่วนข้อหาอื่นให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 จำคุก 1 ปี ปรับ 20,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ.มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ มีกำหนด 2 ปี กำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติ ให้จำเลยไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือน ภายในกำหนด 1 ปี ตาม ป.อ. มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตาม ป.อ.มาตรา 29,30 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่งและวรรคสาม(2), 66 วรรคสอง ประกอบป.อ.มาตรา 83,91 ฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 7 ปี และปรับ 400,000 บาท อีกกระทงหนึ่ง กรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เป็นระยะเวลาไม่เกินสองปี ยกคำขอริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “..พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงที่คู่ความไม่ฎีกาโต้เถียงกันฟังได้ว่า ตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง พันตำรวจโทประเจตและดาบตำรวจบุญเชิดกับพวกร่วมกันจับกุมจำเลยและนาย ฉ. จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 260/2549 ศาลจังหวัดชลบุรีแผนกคดีเยาวชนและครอบครัว พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน 97 เม็ด โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง สร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทองคำ 1 องค์ และรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน คธบ ชล 850 เป็นของกลาง แจ้งข้อหาว่าร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตและเสพเมทแอมเฟตามีน ตามบัญชีของกลางคดีอาญาและบันทึกการจับกุม เอกสารหมาย จ.2 และ จ.4 ข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีนและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีคู่ความฝ่ายใดอุทธรณ์ คดีจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ เห็นว่า แม้โจทก์จะพันตำรวจโท ป.และดาบตำรวจ บ.เบิกความสอดคล้องต้องกันว่า ในขณะตรวจค้นนาย ฉ.และจำเลยในที่เกิดเหตุนั้นเจ้าพนักงานตำรวจตรวจพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 70 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงขนมยี่ห้อเทสโต้ ซึ่งถืออยู่ในมือของนาย ฉ. และพบเมทแอมเฟตามีน จำนวน 27 เม็ด ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์อยู่ในกระเป๋ากางเกงหน้าด้านขวาของจำเลยก็ตาม แต่พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวก็เบิกความตอบทนายความจำเลยถามค้าน ยอมรับว่าไม่ได้เป็นผู้ตรวจค้นนาย ฉ. และจำเลยด้วยตนเอง ซึ่งโจทก์ก็มิได้นำสืบให้เห็นว่าเหตุใดจึงไม่นำเจ้าพนักงานตำรวจผู้ตรวจค้นนาย ฉ.และจำเลยมาเบิกความยืนยันในเรื่องนี้ อีกทั้งเจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่ได้ยึดถุงขนมยี่ห้อเทสโต้และกระดาษหนังสือพิมพ์ที่บรรจุเมทแอมเฟตามีนเป็นของกลาง แต่กลับนำเมทแอมเฟตามีนที่ยึดได้จากนาย ฉ.และจำเลยมารวมกัน และส่งมอบแก่เจ้าพนักงานสอบสวน นอกจากนี้ก่อนจับกุมนาย ฉ.และจำเลยก็ไม่ปรากฎข้อเท็จจริงจากการนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยรู้เห็นเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องหรือไม่อย่างไร คงได้ความเพียงว่าสายลับติดต่อล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องทางโทรศัพท์เคลื่อนที่จากนาย ฉ. เพียงคนเดียว อีกทั้งเมทแอมเฟตามีนของกลางมีจำนวนไม่มากถึงขนาดที่ นาย ฉ. และจำเลยจะต้องแบ่งแยกกันครอบครองซึ่งไม่สะดวกแก่การส่งมอบให้แก่สายลับ ที่สำคัญเมื่อค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางได้ที่นาย ฉ.และจำเลยในที่เกิดเหตุแล้ว พยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวกับพวกก็ไม่ได้นำ นาย ฉ.และจำเลยพร้อมของกลางส่งมอบแก่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีซึ่งเป็นท้องที่เกิดเหตุในทันที แต่กลับนำ นาย ฉ. และจำเลยไปตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด จากนั้นยังนำ นาย ฉ. และจำเลยไปที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 ซึ่งตั้งอยู่ที่เขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และควบคุมบุคคลทั้งสองไว้ที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 อีกหลายชั่วโมง จนกระทั่งเวลาประมาณ 21 นาฬิกา จึงได้นำบุคคลทั้งสองไปส่งมอบแก่เจ้าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี โดยไม่ปรากฏเหตุผลและความจำเป็นใดๆ ที่ต้องทำเช่นนั้น แต่กลับได้จากพันตำรวจโท ป. ตอบทนายความจำเลยถามค้านและตอบโจทก์ถามติงว่า เหตุที่นำ นาย ฉ. และจำเลยไปที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 ก็เพื่อทำบันทึกการจับกุม ทำประวัติอาชญากรและสืบสวนขยายผลซึ่งเป็นการสะดวกกว่าที่จะทำการดังกล่าวที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรี เห็นว่า นอกจากจะเป็นการขัดต่อ ป.วิ.อ.มาตรา 84 วรรคหนึ่ง ที่บัญญัติให้เจ้าพนักงานผู้ทำการจับต้องเอาตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนโดยทันทีแล้ว ข้อที่ว่าการกระทำการดังกล่าวที่สถานีตำรวจทางหลวง 1 จะเป็นการสะดวกกว่าทำที่สถานีตำรวจภูธรเมืองชลบุรีก็เป็นเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้น ส่วนบันทึกการจับกุมเอกสารหมาย จ.4 ที่ระบุว่า จำเลยให้การรับสารภาพ นั้นก็ไม่สามารถนำมารับฟังเป็นพยานหลักฐานได้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 84 วรรคสุดท้าย ดังนั้น พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้ร่วมกันกระทำความผิดกับ นาย ฉ. ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตาม ป.วิ.อ.มาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานนี้นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องความผิดฐานร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2
ด้วยความปรารถนาดี
จาก ทีมงานทนายคลายทุกข์
ขอแนะนำคอลัมน์/รายการ/คลิป/ที่น่าสนใจ/น่าอ่าน/น่าชม/ซึ่งมีชื่ออยู่ด้านบนนี้
ขอขอบคุณที่มาของข่าว/ภาพจากผู้ที่มีชื่ออยู่ด้านล่างและด้านบนนี้ทุกๆท่าน
www.decha.com
ถ่ายทอดโดย.....
ทีมงาน น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา 22158 /ร่วมกับสื่อสยามข่าวมวลชน/ถ่ายทอด)
ดังมีรายนามดังนี้.... บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ(บรรณาธิการดีโพลมานิวส์และฯลฯ)
รองฯกรรณชัย(นามปากกา “ผู้กองแอ๊ด”) รองฯบ.ก.ดีโพลมานิวส์(ดูแลข่าวตำรวจ)
นามปากกา “เดอะกะตะ”(บ.ก.สื่อสยามข่าวมวลชน) จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ)
บุญรุ่ง พวงทอง(คนเดลิมิเร่อร์) ผู้ช่วย บ.ก.(น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์)
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”) ปฐมภพ(นามปากกา "คนสายกลาง")
ยังมีรายชื่อผู้สื่อข่าวทั่วประเทศอีกเป็นจำนวนมากที่ไม่ต้องการให้ประกาศชื่อ
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ (ฝ่ายกฎหมาย)
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรีโทร.099-2612588 หรือ 086 - 7928056
ข่าวที่ท่านเห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างบางส่วนเท่านั้น
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่งดังมีรายนามต่อไปนี้
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ และ dpmnews - dmnnews - diplomanews
และข่าวชมรมนักข่าว2000, และ ข่าวศูนย์วิทยุ (ทาง)ช้างเผือก และ
ข่าวชมรมนักข่าวช่วยสังคม..อีเมล์...diplomanews@gmail.com
ข่าวชมรมนั่งสมาธิปกป้องสถาบัน,และ “สื่อสยามข่าวมวลชน”
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน
วันใดที่เราไม่ได้ทำข่าวแสดงว่าวันนั้นทีมงานของเราได้เดินทางไปต่างแดน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น