ข่าวตำรวจวันนี้4/7/2558 (ดีโพลมา 4758 )
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2558 00:00:39 น.
กรุงเทพฯ * เมื่อวันศุกร์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 9/2558 ว่าเป็นไปตามวาระของ ก.ตร.ตามปกติ แต่มีประเด็นที่น่าสนใจคือ การลงมติลับให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองที่ให้เยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.เกี่ยวกับการเพิกถอนสิทธิ์ทวีคูณ โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร.ว่าการประชุมที่ผ่านมาขัดต่อข้อกฎหมายหลายประการ จึงขอให้ทบทวนอย่างเร่งด่วนนั้น ได้มีการเลื่อนการลงมติในประเด็นนี้ไปก่อน เนื่องจากต้องรอให้เลขานุการ ก.ตร.หารือในข้อกฎหมายให้ละเอียดรอบคอบก่อน ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะมีการประชุมอีกครั้งเมื่อใด แต่ถึงอย่างไรขณะนี้ในที่ประชุม ก.ตร.ทุกคนยังคงยึดมติเดิม คือให้อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง ในส่วนหนังสือที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้ทำหนังสือรายงานว่าการลงมติในการประชุมครั้งที่ 8/2558 นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังก่อนหน้าได้ร่วมประชุมและรับมติเห็นชอบด้วยกฎหมายไปแล้วนั้น อาจจะยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ถึงอย่างไรเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลที่สามารถเปลี่ยนกันได้ พร้อมยืนยันไม่ได้เป็นการขัดแย้งกันในวงการตำรวจ เป็นการเจรจาตามปกติ และยังยืนยันว่าการลงมติในการประชุมครั้งที่ 8/2558 ไม่ขัดข้อกฎหมายและระเบียบ และการลงมติทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ รวมทั้งไม่กลัวการถูกฟ้องร้อง เพราะเป็นสิทธิ์และดุลยพินิจของแต่ละบุคคล ซึ่งที่ต้องมีการตรวจสอบการประชุมอีกครั้งนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตอบคำถามของผู้ร้องเรียนได้
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2197396
กรุงเทพฯ * เมื่อวันศุกร์ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวหลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 9/2558 ว่าเป็นไปตามวาระของ ก.ตร.ตามปกติ แต่มีประเด็นที่น่าสนใจคือ การลงมติลับให้อุทธรณ์คำพิพากษาของศาลปกครองที่ให้เยียวยา พล.ต.ท.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ผบช.น.เกี่ยวกับการเพิกถอนสิทธิ์ทวีคูณ โดย พล.ต.ท.ศรีวราห์ได้ทำหนังสือร้องเรียนถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะประธาน ก.ตร.ว่าการประชุมที่ผ่านมาขัดต่อข้อกฎหมายหลายประการ จึงขอให้ทบทวนอย่างเร่งด่วนนั้น ได้มีการเลื่อนการลงมติในประเด็นนี้ไปก่อน เนื่องจากต้องรอให้เลขานุการ ก.ตร.หารือในข้อกฎหมายให้ละเอียดรอบคอบก่อน ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะมีการประชุมอีกครั้งเมื่อใด แต่ถึงอย่างไรขณะนี้ในที่ประชุม ก.ตร.ทุกคนยังคงยึดมติเดิม คือให้อุทธรณ์คำสั่งศาลปกครอง ในส่วนหนังสือที่ พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ได้ทำหนังสือรายงานว่าการลงมติในการประชุมครั้งที่ 8/2558 นั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังก่อนหน้าได้ร่วมประชุมและรับมติเห็นชอบด้วยกฎหมายไปแล้วนั้น อาจจะยังไม่ทันได้ตั้งตัว แต่ถึงอย่างไรเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลที่สามารถเปลี่ยนกันได้ พร้อมยืนยันไม่ได้เป็นการขัดแย้งกันในวงการตำรวจ เป็นการเจรจาตามปกติ และยังยืนยันว่าการลงมติในการประชุมครั้งที่ 8/2558 ไม่ขัดข้อกฎหมายและระเบียบ และการลงมติทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ รวมทั้งไม่กลัวการถูกฟ้องร้อง เพราะเป็นสิทธิ์และดุลยพินิจของแต่ละบุคคล ซึ่งที่ต้องมีการตรวจสอบการประชุมอีกครั้งนั้น เพื่อให้เกิดความชัดเจนและตอบคำถามของผู้ร้องเรียนได้
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2197396
//////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2558 00:00:29 น.
ปทุมวัน * พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ ถึงกรณีตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในฐานพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ขณะเดินทางกลับไทยพร้อมคณะ หลังการดูงานการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้าว่า ล่าสุดอัยการญี่ปุ่นได้แจ้งแก่ญาติที่เข้าเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ว่าจะมีการขยายเวลาฝากขังเป็นครั้งที่ 2 อีก 10 วัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ และได้เรียกพยานที่ร่วมเดินทางไปกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เข้าสอบสวนให้ปากคำประกอบสำนวนการสอบสวน เพื่อประกอบการพิจารณาสรุปความเห็นทางคดี ซึ่งในชั้นนี้ยังไม่ได้มีความเห็นสั่งคดีข้อหาพกพาอาวุธปืน แต่ในช่วงฝากขังอัยการมีคำสั่งไม่ให้ญาติหรือบุคคลอื่นใดเข้าเยี่ยม
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2197383
ปทุมวัน * พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ ถึงกรณีตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุมตัว พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ในฐานพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุน ที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ขณะเดินทางกลับไทยพร้อมคณะ หลังการดูงานการแปรรูปขยะเป็นพลังงานไฟฟ้าว่า ล่าสุดอัยการญี่ปุ่นได้แจ้งแก่ญาติที่เข้าเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ว่าจะมีการขยายเวลาฝากขังเป็นครั้งที่ 2 อีก 10 วัน เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งยังไม่แล้วเสร็จ และได้เรียกพยานที่ร่วมเดินทางไปกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์เข้าสอบสวนให้ปากคำประกอบสำนวนการสอบสวน เพื่อประกอบการพิจารณาสรุปความเห็นทางคดี ซึ่งในชั้นนี้ยังไม่ได้มีความเห็นสั่งคดีข้อหาพกพาอาวุธปืน แต่ในช่วงฝากขังอัยการมีคำสั่งไม่ให้ญาติหรือบุคคลอื่นใดเข้าเยี่ยม
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2197383
//////////////////////////////////////////////////////////
ข่าวทั่วไป หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- เสาร์ที่ 4 กรกฎาคม 2558 00:00:01 น.
คมเฉือนคม
ทำไปทำมาคดีคนร้ายยิง "สมยศ สุธางค์กูร" อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ บริเวณลานจอดรถร้านอาหารเฮงหูฉลาม ย่านคลองตัน ที่ "ตำรวจ" ออกมาโอ้อวด บอกไม่น่าจะมีอะไรสลับซับซ้อน ไม่ช้าไม่นานจะสามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
ดูท่าจะเข้าตำรา "ขายฝัน" เหมือนฉายาผู้นำสีกากี ที่สมาคมสื่อสายอาชญากรรมตั้งให้ไว้
เพราะผ่านมาเกือบ 1 อาทิตย์ ตั้งแต่เกิดเหตุค่ำๆ วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้เท่าที่สดับตรับฟังข่าวตำรวจก็ยังไม่ชี้ชัดว่าชนวนเหตุการยิง "สมยศ" มาจากเรื่องใดแน่
มีเพียงการออกหมายจับมือปืน 2 ราย ตามภาพสเกตช์ที่ได้จากพยานที่เห็นเหตุการณ์เท่านั้น
ผมไม่รู้เหตุใดจนถึงป่านนี้ "ตำรวจ" ยังไม่ชี้ชัดฟันธงลงไปว่าชนวนเหตุการสังหารเจ้าพ่อคาเฟ่มาจากเรื่องใด หรือรู้แล้วแต่ยังไม่เปิดเผยออกมากลัวเสียรูปคดี กลัวผู้บงการไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน
แต่สิ่งที่รู้สึกแปลกใจในการดำเนินคดีครั้งนี้คือ วิธีการสอบสวน ที่ผมไม่แน่ใจนี่คือวิธีการสอบสวนแบบใหม่ ที่ต้องโชว์ความโปร่งใส หรือโชว์อะไรกันแน่
โดยเฉพาะวันที่ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงที่ลงมาคุมคดี นั่งสอบปาก คำ "ก้อย" หรือ "ศุภนิดา นรรัตน์" เพื่อนสนิทและเป็นผู้ประสานงานด้านคดีระหว่าง "ทนายสมยศ" กับลูกความ ที่ สน.คลองตัน ต่อหน้าสื่อมวลชน ทั้งทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์
ซึ่งเท่าที่รู้ "ก้อย" ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีนี้ ที่ร่วมกับพวกอีก 3-4 คนโกงเงิน "สมยศ" ด้วยการหลอกชวนไปเล่นการพนัน ทำให้ "สมยศ" เสียเงินไป 3-4 ล้าน รวมทั้งการนำเงินค่าคดีความไปใช้ส่วนตัวอีกหลายสิบล้านบาท
จนมีเรื่องมีราวกัน ทั้งการทวงหนี้ ขู่อุ้ม และขู่ฆ่าพอ "รองฯ เรืองศักดิ์" นำตัวมาสอบปากต่อหน้าสื่อ ทุกคำให้การของ "ก้อย" ก็ถูกถ่ายทอดออกสู่สาธารณะอย่างละเอียดยิบ
และไม่ใช่ผู้คนทั่วไปที่ได้อ่านเรื่องราวคำให้การของ "ก้อย" ผ่านสื่อเท่านั้น ผู้ต้องสงสัยร่วมก๊วนอีก 3-4 คนที่เหลือ ซึ่งตำรวจยังไม่ได้นำตัวมาสอบปากคำ ก็ย่อมได้อ่านเช่นเดียวกัน พอไปนำตัวคนที่เหลือมาสอบปากคำบ้าง ทุกคนก็ต่างให้การไปในทำนองเดียวกับ "ก้อย" หมดตามคาด
ไม่มีข้อขัดแย้ง ไม่มีความต่าง ไม่มีข้อพิรุธใดๆ ออกมาทั้งๆ ที่วิธีการสอบผู้ต้องสงสัยเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนในอดีตเท่าที่ผมพูดคุยกับระดับ "นักสืบ" รุ่นใหญ่ในอดีต ที่นักสืบรุ่นลูกรุ่นหลานต่างยกเป็นอาจารย์ เป็นแบบอย่างนักสืบ ส่วนใหญ่จะแยกสอบผู้ต้องสงสัยกันคนละที ไม่ให้แต่ละคนรู้ว่าอีกคนให้การว่าอย่างไร เพื่อนำคำให้การแต่ละคนมาดู มาเปรียบเทียบพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งจะรู้ใครพูดจริง ใครโกหก แล้วค่อยไปสอบขยายผลต่อ จนสุดท้ายผู้ต้องสงสัยก็จำนน จนต้องยอมรับสารภาพ
การสอบปากคำผู้ต้องสงสัยแบบโอเพนครั้งนี้ของ "รองฯ เรืองศักดิ์" จะส่งผลอะไรต่อรูปคดีหรือเปล่า หากใครรู้จักตำรวจ หรือรู้จักนักสืบ ลองถามกันดูเอง ผมคงไม่ไปชี้ชัดอะไรขนาดนั้น
แต่นักสืบนครบาลหลายๆ คนส่ายหัว ลองไปตีความกันเอาเองแล้วกัน
รวมทั้งก็ต้องติดตามว่า กลุ่มนางก้อยที่มีความขัดแย้งเรื่องหนี้สิน จะเกี่ยวข้องกับการสังหาร "สมยศ" หรือไม่ แค่ไหน อย่างไร ซึ่งพยาน หลักฐาน จะเป็นเครื่องบ่งชี้ได้อย่างดี
ถึงอย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ คลี่ คลายคดีนี้ให้ได้เร็วที่สุด เพราะเป็นการก่อเหตุอุกอาจชนิดไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
และขอฝากทิ้งท้ายถึงหลายๆ คน ถ้าไม่ใช่ "นักสืบ" ไม่เก่งการ "สอบสวน" บางครั้งเข้าไปแอกชันมากไป งานง่ายๆ จะกลายเป็นยาก แล้วจะมานั่งปวดหัวทีหลัง.
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2197394
คมเฉือนคม
ทำไปทำมาคดีคนร้ายยิง "สมยศ สุธางค์กูร" อดีตเจ้าของพระราม 9 คาเฟ่ บริเวณลานจอดรถร้านอาหารเฮงหูฉลาม ย่านคลองตัน ที่ "ตำรวจ" ออกมาโอ้อวด บอกไม่น่าจะมีอะไรสลับซับซ้อน ไม่ช้าไม่นานจะสามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้
ดูท่าจะเข้าตำรา "ขายฝัน" เหมือนฉายาผู้นำสีกากี ที่สมาคมสื่อสายอาชญากรรมตั้งให้ไว้
เพราะผ่านมาเกือบ 1 อาทิตย์ ตั้งแต่เกิดเหตุค่ำๆ วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้เท่าที่สดับตรับฟังข่าวตำรวจก็ยังไม่ชี้ชัดว่าชนวนเหตุการยิง "สมยศ" มาจากเรื่องใดแน่
มีเพียงการออกหมายจับมือปืน 2 ราย ตามภาพสเกตช์ที่ได้จากพยานที่เห็นเหตุการณ์เท่านั้น
ผมไม่รู้เหตุใดจนถึงป่านนี้ "ตำรวจ" ยังไม่ชี้ชัดฟันธงลงไปว่าชนวนเหตุการสังหารเจ้าพ่อคาเฟ่มาจากเรื่องใด หรือรู้แล้วแต่ยังไม่เปิดเผยออกมากลัวเสียรูปคดี กลัวผู้บงการไหวตัวทันหลบหนีไปก่อน
แต่สิ่งที่รู้สึกแปลกใจในการดำเนินคดีครั้งนี้คือ วิธีการสอบสวน ที่ผมไม่แน่ใจนี่คือวิธีการสอบสวนแบบใหม่ ที่ต้องโชว์ความโปร่งใส หรือโชว์อะไรกันแน่
โดยเฉพาะวันที่ รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก ซึ่งเป็นนายตำรวจระดับสูงที่ลงมาคุมคดี นั่งสอบปาก คำ "ก้อย" หรือ "ศุภนิดา นรรัตน์" เพื่อนสนิทและเป็นผู้ประสานงานด้านคดีระหว่าง "ทนายสมยศ" กับลูกความ ที่ สน.คลองตัน ต่อหน้าสื่อมวลชน ทั้งทีวี วิทยุ และหนังสือพิมพ์
ซึ่งเท่าที่รู้ "ก้อย" ถือเป็นอีกหนึ่งผู้ต้องสงสัยคนสำคัญในคดีนี้ ที่ร่วมกับพวกอีก 3-4 คนโกงเงิน "สมยศ" ด้วยการหลอกชวนไปเล่นการพนัน ทำให้ "สมยศ" เสียเงินไป 3-4 ล้าน รวมทั้งการนำเงินค่าคดีความไปใช้ส่วนตัวอีกหลายสิบล้านบาท
จนมีเรื่องมีราวกัน ทั้งการทวงหนี้ ขู่อุ้ม และขู่ฆ่าพอ "รองฯ เรืองศักดิ์" นำตัวมาสอบปากต่อหน้าสื่อ ทุกคำให้การของ "ก้อย" ก็ถูกถ่ายทอดออกสู่สาธารณะอย่างละเอียดยิบ
และไม่ใช่ผู้คนทั่วไปที่ได้อ่านเรื่องราวคำให้การของ "ก้อย" ผ่านสื่อเท่านั้น ผู้ต้องสงสัยร่วมก๊วนอีก 3-4 คนที่เหลือ ซึ่งตำรวจยังไม่ได้นำตัวมาสอบปากคำ ก็ย่อมได้อ่านเช่นเดียวกัน พอไปนำตัวคนที่เหลือมาสอบปากคำบ้าง ทุกคนก็ต่างให้การไปในทำนองเดียวกับ "ก้อย" หมดตามคาด
ไม่มีข้อขัดแย้ง ไม่มีความต่าง ไม่มีข้อพิรุธใดๆ ออกมาทั้งๆ ที่วิธีการสอบผู้ต้องสงสัยเพื่อให้ได้ข้อเท็จจริง ตามแนวทางการสืบสวนสอบสวนในอดีตเท่าที่ผมพูดคุยกับระดับ "นักสืบ" รุ่นใหญ่ในอดีต ที่นักสืบรุ่นลูกรุ่นหลานต่างยกเป็นอาจารย์ เป็นแบบอย่างนักสืบ ส่วนใหญ่จะแยกสอบผู้ต้องสงสัยกันคนละที ไม่ให้แต่ละคนรู้ว่าอีกคนให้การว่าอย่างไร เพื่อนำคำให้การแต่ละคนมาดู มาเปรียบเทียบพยานหลักฐานอื่นๆ ซึ่งจะรู้ใครพูดจริง ใครโกหก แล้วค่อยไปสอบขยายผลต่อ จนสุดท้ายผู้ต้องสงสัยก็จำนน จนต้องยอมรับสารภาพ
การสอบปากคำผู้ต้องสงสัยแบบโอเพนครั้งนี้ของ "รองฯ เรืองศักดิ์" จะส่งผลอะไรต่อรูปคดีหรือเปล่า หากใครรู้จักตำรวจ หรือรู้จักนักสืบ ลองถามกันดูเอง ผมคงไม่ไปชี้ชัดอะไรขนาดนั้น
แต่นักสืบนครบาลหลายๆ คนส่ายหัว ลองไปตีความกันเอาเองแล้วกัน
รวมทั้งก็ต้องติดตามว่า กลุ่มนางก้อยที่มีความขัดแย้งเรื่องหนี้สิน จะเกี่ยวข้องกับการสังหาร "สมยศ" หรือไม่ แค่ไหน อย่างไร ซึ่งพยาน หลักฐาน จะเป็นเครื่องบ่งชี้ได้อย่างดี
ถึงอย่างไรก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ คลี่ คลายคดีนี้ให้ได้เร็วที่สุด เพราะเป็นการก่อเหตุอุกอาจชนิดไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง
และขอฝากทิ้งท้ายถึงหลายๆ คน ถ้าไม่ใช่ "นักสืบ" ไม่เก่งการ "สอบสวน" บางครั้งเข้าไปแอกชันมากไป งานง่ายๆ จะกลายเป็นยาก แล้วจะมานั่งปวดหัวทีหลัง.
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2197394
//////////////////////////////////////////////////////////
ขอแนะนำคอลัมน์ดี/คลิปดี (รายการดีที่เราขอชมเชย)
ซึ่งมีชื่ออยู่ในคลิปหรือข่าวที่อยู่ด้านบนนี้และ
ขอชมเชยและขอแนะนำเว๊บไซ้ท์ดีที่มาของข่าว/ภาพ
จากเว๊บที่มีชื่อด้านล่างนี้ที่เราได้ไปค้นพบมาให้ท่านชม
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา 4758 )ถ่ายทอด
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร
ดังมีรายนามดังนี้.... บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ)
นามปากกา “เดอะกะตะ”(บ.ก.สื่อสยามข่าวมวลชน)
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง
(คนเดลิมิเร่อร์) ผู้ช่วย บ.ก.
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์)
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”)
ปฐมภพ(นามปากกา "คนสายกลาง")
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ
(ที่ปรึกษากฎหมาย)ไม่มีเงินจ้างทนายเราช่วยได้
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรี!)
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ)
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ)
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056)
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่ง
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน
คอลัมนิสต์ นามปากกา “คนพิเศษ”
(ผู้ตรวจข่าวฉบับที่1.)
รองฯ กรรณชัย (นามปากกา”ผู้กองแอ๊ด”)
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ
(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น