วันศุกร์ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ข่าวท่องเที่ยว ประจำวันที่ 13 พ.ค. 2559 (น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์...ถ่ายทอด).......

ข่าวท่องเที่ยว ประจำวันที่ 13 พ.ค. 2559
งานวันเปิดโลกใต้ทะเลเกาะเต่า ครั้งที่ 13 ประจำปี 2559
KOH TAO FESTIVAL 2016
ร่วมสร้างพลังรักษ์...จับมือโอบกอดเกาะเต่าบันทึกสถิติโลก Guinness World Records  2  วัน 2 คืน
วันที่ 18 – 19  มิถุนายน 2559  ณ บริเวณหาดทรายรี ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน  จังหวัดสุราษฎร์ธานี
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เทศบาลตำบลเกาะเต่า ร่วมกับชมรมรักษ์เกาะเต่า องค์การบริหารส่วนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)  พร้อมภาครัฐ เอกชน ประชาชนชาวเกาะเต่า ร่วมกันจัดงานวันเปิดโลกใต้ทะเล     เกาะเต่า (Koh Tao Festival 2016) เชิญชวนทั้งคนไทยและต่างชาติ ร่วมสัมผัสวิถีเกาะเต่า ความสวยงาม ของปะการังใต้ท้องทะเล และร่วมสร้างพลังรักษ์เกาะเต่า จับมือโอบกอดเกาะเต่าบันทึกสถิติโลก Guinness World Records วันที่ 18 – 19 มิถุนายน 2559  ณ บริเวณหาดทรายรี  ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี


ทุกภาคส่วน และภาคีเครือค่ายต่าง ๆ ได้บูรณาการจัดงานวันเปิดโลกใต้ทะเลเกาะเต่า  โดยความร่วมมือ          ของชุมชนเกาะเต่า ในการแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ ของเกาะเต่า รวมทั้งเน้นให้นักท่องเที่ยว ได้ตระหนักถึงความรักและหวงแหนทรัพยากรของชาวเกาะเต่า เพื่อรักษาเกาะเต่าให้เป็นสวรรค์กลางทะเล อ่าวไทย  และด้วยเสน่ห์ของโลกใต้ท้องทะเล ที่มีแนวปะการังอันสวยงามและอุดมสมบูรณ์  จนได้รับการโหวตเลือกให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำที่ติดอันดับ 1 ของทวีปเอเชีย  อีกทั้งยังติดอันดับ  1              ใน 10  สุดยอดแหล่งดำน้ำของโลกประจำปี 2557 และล่าสุดปี  2558 เกาะเต่ายังได้รับการโหวต            จากเว๊บไซต์ทริปแอดไวเซอร์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวเลือกไปเยี่ยมชม เป็นอันดับที่  1 ของภูมิภาคเอเชีย และอันดับ  5  ของโลก ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเกาะเต่า จำนวนกว่า  500,000 คน  สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวปีละสามพันกว่าล้านบาท 
ในงานเปิดโลกใต้ทะเลเกาะเต่าครั้งนี้ มีกิจกรรมมากมายที่อยากเชิญชวนทุกท่านเข้าไปมีส่วนร่วม                        เช่น การรวมพลังจับมือโอบกอดเกาะเต่า แสดงสัญลักษณ์ ให้บุคคลภายนอกรวมถึงนักท่องเที่ยวทั่วไปที่จะไปท่องเที่ยวเกาะเต่าให้ตระหนักใส่ใจเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทั้งบนบกใต้ทะเลตามวิถีชาวเกาะ                   โดยตั้งเป้าทำลายสถิติโลกบันทึก  Guinness  World  Records โอบกอดเกาะเต่าและท้องทะเล มาร่วมกันสร้างภูมิคุ้มกันให้เกาะเต่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ กิจกรรมอาสาสมัคร การปล่อยเต่า  เก็บขยะ                     ใต้ท้องทะเล กิจกรรมอนุบาลหอยมือเสือ กิจกรรมฟรีทั้งเกาะ One Free Day  เกาะเต่าใจดี ฟรี 1 วัน ชาวบ้าน ผู้ประกอบการแทบทุกครัวเรือนพร้อมจัดเตรียม อาหาร เครื่องดื่ม ฟรี ตั้งหน้าบ้าน ร้านค้าของตนเอง  กิจกรรมชวนกันปั่นเกาะ One More Bike One Less Car กิจกรรมประกวด Mr.& Miss Save Koh Tao  การประกวดประติมากรรมจากสิ่งของเหลือใช้ (Trash  Sculture  Competition) การแสดงนิทรรศการภาพถ่ายเหนือน่านฟ้า และภาพถ่ายใต้น้ำจังหวัดสุราษฎร์ธานี
จึงขอเรียนเชิญชวนทุกท่านเที่ยวเกาะเต่า ร่วมสร้างพลังรักษ์เกาะเต่ากับพวกเรา...บันทึกสถิติโลกร่วมกัน           ในงานวันเปิดโลกทะเลเกาะเต่า หรือ  KOH  TAO  FESTIVAL  2016 ในวันที่  18 - 19  มิถุนายน  2559     ณ บริเวณหาดทรายรี ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 

ติดต่อสอบถาม  เทศบาลตำบลเกาะเต่า
โทรศัพท์ 077 607981-2, 080 6999834, 080 6596592, 084 1450465 (ภาษาอังกฤษ)

 //////////////////////////////////////////////////////////////////
รมว.ท่องเที่ยว สั่งการแก้ไขปัญหาการท่องเที่ยวเชิงรุก
เร่งจัดระเบียบและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
ตอกย้ำ “รายได้ต้องมาพร้อมคุณภาพ”
         นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่านโยบายด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยไทย มีหัวใจหลักคือมุ่งเน้นยกระดับคุณภาพของการท่องเที่ยวควบคู่กับการสร้างรายได้และสร้างสมดุลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนให้ได้  ถึงวันนี้จึงได้เวลาทบทวนแผนงานเชิงบูรณาการภายในกระทรวงในหลายมิติเพื่อเร่งให้เกิดการแก้ปัญหาทันเวลา และรับมือข้อร้องเรียนในด้านการท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงทีจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเกือบ 3 ล้านคนต่อเดือนในเวลานี้

           นางกอบกาญจน์ กล่าวว่าได้มอบนโยบายเรื่องการเร่งดูแลภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทยไปกับ      นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาแล้ว ซึ่งมีการขานรับนโยบายดังกล่าวโดยจัดประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาต่างๆ พร้อมติดตามความก้าวหน้าของการปฏิบัติงาน โดยมีกรอบเวลาว่าจะต้องเร่งรัดการแก้ปัญหา 3 เรื่องสำคัญให้เกิดเป็นรูปธรรมและมีความชัดเจนเพื่อรายงานผลทุก 1 เดือนนับจากนี้
    นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า สำหรับกรอบการทำงานเชิงบูรณาการที่จะต้องมีการปฏิบัติการรับเรื่อง  ข้อร้องเรียนและดำเนินการแก้ไขปัญหาจะแบ่งออกเป็น 3 เรื่องสำคัญได่แก่ 1) การแก้ปัญหาเรื่องธุรกิจท่องเที่ยว   นอมินี 2) การจัดการข้อร้องเรียน เรื่องต่างๆ ด้านการท่องเที่ยวในเชิงรุก และ 3) การเร่งประสานแก้ปัญหาป้องกันสภาพแวดล้อมทรัพยากรไม่ให้ทรุดโทรมในแหล่งท่องเที่ยว เพื่อจัดทำตัวชี้วัดด้านรายได้ และคุณภาพที่แม่นยำ

1.)  กรอบการแก้ปัญหาเรื่อง ปัญหาการใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee)
        กรมการท่องเที่ยว ร่วมกับกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ดำเนินการออกตรวจปฏิบัติตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 สัปดาห์ละ 3 ครั้ง โดยออกตรวจสอบในรอบ 6 เดือน ตั้งแต่พฤศจิกายน 2558 จนถึงเมษายน 2559 พบผู้ประกอบอาชีพเป็นมัคคุเทศก์โดยไม่ได้รับอนุญาต (ไกด์เถื่อน) จำนวน 88 ราย เป็นคนไทย 42 ราย เป็นชาวต่างชาติ 46 ราย พบผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวซึ่งกระทำผิดกฎหมาย จำนวน 39 ราย และได้มีการลงโทษผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่กระทำผิดกฎหมาย โดยสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 23 ราย สั่งเพิกถอนใบอนุญาตฯ จำนวน 6 ราย ซึ่งล่าสุดเดือนเมษายนที่ผ่านมาตำรวจท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อปราบปรามการประกอบธุรกิจนอมินี สามารถตรวจยึดสิ่งผิดกฎหมายและจับกุมผู้กระทำผิด พ.ร.บ.ธุรกิจนำเที่ยวฯ ได้จำนวน 28 ราย
             นางกอบกอบกาญจน์ กล่าวว่า ทั้งนี้กรมการท่องเที่ยว ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม และกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (Nominee) เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2557


           และในวันที่ 24 ธันวาคม 2558 ได้มีการดำเนินการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการบริหารจัดการ การแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์แก่นักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งประกอบด้วย กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว สมาคมผู้ประกอบธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย-จีน และสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการประกอบธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ และปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญ อย่างเป็นรูปธรรม
ทั้งนี้มีการดำเนินการร่วมกัน ระหว่าง สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมสอบสวนคดีพิเศษ
ในการตรวจสอบผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่มีลักษณะการดำเนินการโดยใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง (NOMINEE) เพื่อป้องกันและปราบปรามคนต่างชาติเข้ามาใช้ธุรกิจนำเที่ยวเป็นช่องทางในการแสวงหาประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ และสร้างความเสียหาย ต่อเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศ
รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์ให้คำแนะนำในการจดทะเบียนประกอบธุรกิจนำเที่ยวเพื่อให้ผู้ที่สนใจหรือผู้ที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่ทำธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาต หรือผู้ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวแล้ว แต่ยังประกอบธุรกิจนำเที่ยวผิดประเภท เนื่องจากยังพบว่ามีผู้ที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวอีกหลายราย ที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่มีความรู้เรื่องการประกอบธุรกิจนำเที่ยว ยังประกอบธุรกิจนำเที่ยวผิดประเภท ซึ่งจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอนาคต
           กรอบความร่วมมือต่างๆได้เกิดขึ้นเต็มรูปแบบแล้วแทบทุกด้าน เราให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เพราะมีคำถามเข้ามามากว่าในขณะที่เราเพิ่มจำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยว ธุรกิจคนไทย และประชาชนคนท้องถิ่นได้อะไร ถือเป็นเรื่องที่ใหญ่ข้อมูลตรงนี้ต้องชัดเจน มอบหมายให้ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องรายงานข้อมูลเข้ามาดูในเรื่องนี้ทุก 1 เดือนไว้ และหัวใจคือต้องเข้าไปแก้ที่ต้นตอปัญหาให้ได้         นางกอบกาญจน์ กล่าว
            2.) การจัดการข้อร้องเรียนเรื่องต่างๆด้านการท่องเที่ยวและรายงานแก้ไขในเชิงรุก
        นางกอบกาญจน์ กล่าวว่าประเทศไทยมีการจัดตั้งศูนย์รับเรื่องร้องเรียน แก้ไขปัญหาธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าประชาชนอาจไม่ทราบว่ามีศูนย์นี้เกิดขึ้นมากนัก จำเป็นจะต้องมีการปรับรูปแบบการทำงานเพื่อให้สามารถทำงานได้คล่องตัวมากขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวรู้สึกอุ่นใจในการท่องเที่ยวและมั่นใจว่าข้อร้องเรียนที่ถูกเอาเปรียบและไม่ได้รับความเป็นธรรมจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว ที่ให้บริการไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงการถูกหลอกลวงในรูปแบบต่างๆ เช่น การบังคับซื้อสินค้าในราคาที่สูงกว่าปกติ การเรียกเก็บค่าบริการนำเที่ยวเพิ่มเติมนอกเหนือจากรายการนำเที่ยว ที่ได้ตกลงกันไว้ล่วงหน้า และการละทิ้งนักท่องเที่ยว จะได้รับการตอบสนองและได้รับการแก้ไขจากหน่วยงานราชการอย่างชัดเจน โดยในอนาคตกำลังศึกษารูปแบบว่าอาจจะมีการทำงานในเชิงรุก รับเรื่อง – แก้ไข – เร่งด่วน –รายงานสรุปผล เหมือนกับ       ตู้ ปณ. 1111 ศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีก็ได้ 
โดยศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว เลขที่ 154  ถนนพระราม 1  แขวงวังใหม่  เขตปทุมวัน  กรุงเทพฯ  10330
        ช่องทางในการรับเรื่องร้องเรียน มีดังนี้
        1) ร้องเรียนด้วยตนเองได้ที่ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนฯ สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ กรมการท่องเที่ยว เลขที่ 154 ถนนพระราม 1 แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330
        2) แจ้งเรื่องร้องเรียนทางโทรศัพท์ ที่หมายเลข 02 219 4010-7 ต่อ 401 333
        3) แจ้งเรื่องร้องเรียนผ่านทางเว็บไซต์ www.tourism.go.th 



นางกอบกาญจน์ กล่าวว่าเรามีกองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว ที่จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นเงินทดรองจ่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งได้รับความเสียหายจากการที่ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับธุรกิจนำเที่ยว หรือตามที่ได้โฆษณาหรือรับรองไว้กับนักท่องเที่ยว  สถานที่ติดต่อเพื่อรับเงินชดเชย กองทุนคุ้มครองธุรกิจนำเที่ยว สำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ อาคาร 2 ชั้น 5 กรมการท่องเทียว ข้อมูลและช่องทางมากมายเหล่านี้ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวได้ทราบอย่างแพร่หลายและคิดถึงศูนย์นี้เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเพราะคาดหวังว่าจะได้รับการแก้ไขต่อไป
3.) การเร่งประสานแก้ปัญหาป้องกันสภาพแวดล้อมทรัพยากรไม่ให้ทรุดโทรมในแหล่งท่องเที่ยว เพื่อจัดทำตัวชี้วัดด้านรายได้ และคุณภาพที่แม่นยำ
           นางกอบกาญจน์ กล่าวว่า ในข้อที่ 3 นี้จะเป็นประเด็นสำคัญที่จะอธิบายและเชื่อมโยงว่ามิติการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนจะต้องนำเอาเรื่องผลประโยชน์คนไทยที่มิใช่นอมินีมาแยกแยะตัวเลขและชี้วัดรายได้ที่กระจายสู่ท้องถิ่นและบริษัทสัญชาติไทยเพื่อกำหนดกรอบการพัฒนาให้ชัดเจน โดยแน่นอนว่ารายได้ในส่วนนี้ก็จะต้องนำเอาไปดูแลสภาพแวดล้อมต่างๆที่ เป็นต้นทุนทรัพยากรไทย ที่จะต้องรักษาไว้ไม่ให้การท่องเที่ยวเข้าไปทำลายระบบสมดุลสิ่งแวดล้อมในประเทศไทยในท้ายที่สุดนั่นเอง
 /////////////////////////////////////////////////////////////
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์.....ถ่ายทอด.....
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร.....
ดังมีรายนามผู้บริหารดังนี้…. บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ.....
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ).....
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม...
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง.....
(อดีตคนเดลิมิเร่อร์) สุพรรณษา แซ่อั๊ง(นามปากกา"ผักบุ้ง).....
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์).....
สุจิตรา(นามปากกา หญิงเหล็ก”).....
ปฐมภพ(นามปากกา คนสายกลาง”).....
สมชัย(นามปากกา"พฤกษ์ภิรมย์').....ที่ปรึกษาบ.ก......
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ.....ที่ปรึกษา......
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรี!).....
ชมรมนักข่าวช่วยสังคม......(ที่ปรึกษา).....
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056).....
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น.....
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้ง(หลักสิบสื่อ).....
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวร่วมหลายแสนคน.....
dpm2554@gmail.com(เรามีพันธมิตรสื่อจำนวนมาก).....
คอลัมนิสต์นามปากกาคนพิเศษ”(ผู้ตรวจข่าวคนที่1.).....
รองฯ กรรณชัย (นามปากกาผู้กองแอ๊ด”).....
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ.....(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย).....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น