ข่าวตำรวจเฉพาะวันหยุด (แนะนำรายการดีๆที่ไปค้นพบมา)
ตร.จ่อดัดหลัง อ้าง'ไม่พกใบขับขี่' ปรับสูงสุด 1 หมื่น
พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล(รองผบช.น)เปิดเผยภายหลังประชุมปรับปรุงแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.จราจรทางบกว่าภายหลังจากที่ได้มีการหารือเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายพ.ร.บ.จราจรทางบก 2522 ในระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ไปแล้ว ทาง บช.น.จึงได้หารือเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่จะเสนอแก้ไขเพิ่มเติมเพื่อให้ได้ข้อสรุปอีกครั้ง ซึ่งในที่ประชุมได้เสนอให้มีการแก้ไขกฎหมาย ในส่วนที่พบว่ายังมีปัญหาเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยในที่ประชุมเห็นว่าควรจะปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายใบขับขี่ ที่ปัจจุบันได้กำหนดให้อยู่ในพ.ร.บ.รถยนต์ 2522 โดยควรย้ายจากพรบ.รถยนต์ มาเป็นพ.ร.บ.จราจรทางบก และเพิ่มโทษในข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จากเดิมที่มีโทษจำคุก 1 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท เป็นจำคุก 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และในกรณีที่มีใบขับขี่จะต้องพกติดตัว และสามารถแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทันทีหากไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ทันที และเพิ่มบทลงโทษและอัตราค่าปรับเป็นปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท จากเดิมปรับ 1,000 บาท เท่านั้น
รวมทั้งยังเสนอให้แก้กฎหมายให้ตำรวจราจรสามารถตรวจยึดรถที่กระทำความผิดได้ เพราะปัจจุบันตามอำนาจ พรบ.จราจรทางบก เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจยึดรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายป.วิอาญา ซึ่งใช้ได้ชั่วคราวเท่านั้น ส่งผลให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่สะดวกเท่าที่ควร
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่านอกจากนี้ยังมีการเสนอให้เพิ่มโทษในกรณีการขับรถประมาทหวาดเสียวซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้อื่นและการขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจรส่งผลให้การจราจรติดขัดอาทิ ขับรถย้อนศรแซงรถในที่คับขันโดยการเพิ่มโทษให้เป็นความผิดลหุโทษและแก้ไขอัตราค่าปรับเป็น 1,000-5,000 บาทจากเดิมที่มีอัตราค่าปรับ 400-1,000 บาท สำหรับการเปรียบเทียบปรับ เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจเปรียบเทียบปรับได้ตามความเหมาะสม แต่จะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้บก.จร.สรุปเนื้อหาที่จะดำเนินการแก้ไขเพื่อเสนอสตช.พิจารณาต่อไปทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิมากยิ่งขึ้นอีกทั้งอัตราค่าปรับในข้อหากระทำความผิดกฎหมายจราจรนั้นมีการบังคับใช้มานานยังไม่มีการปรับปรุงดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
โดยในที่ประชุมเห็นว่าควรจะปรับปรุงและแก้ไขกฎหมายใบขับขี่ ที่ปัจจุบันได้กำหนดให้อยู่ในพ.ร.บ.รถยนต์ 2522 โดยควรย้ายจากพรบ.รถยนต์ มาเป็นพ.ร.บ.จราจรทางบก และเพิ่มโทษในข้อหาไม่มีใบอนุญาตขับขี่ จากเดิมที่มีโทษจำคุก 1 เดือนปรับไม่เกิน 10,000 บาท เป็นจำคุก 3 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และในกรณีที่มีใบขับขี่จะต้องพกติดตัว และสามารถแสดงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ทันทีหากไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวได้ทันที และเพิ่มบทลงโทษและอัตราค่าปรับเป็นปรับตั้งแต่ 5,000-10,000 บาท จากเดิมปรับ 1,000 บาท เท่านั้น
รวมทั้งยังเสนอให้แก้กฎหมายให้ตำรวจราจรสามารถตรวจยึดรถที่กระทำความผิดได้ เพราะปัจจุบันตามอำนาจ พรบ.จราจรทางบก เจ้าหน้าที่ไม่มีอำนาจยึดรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องอาศัยอำนาจตามกฎหมายป.วิอาญา ซึ่งใช้ได้ชั่วคราวเท่านั้น ส่งผลให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ไม่สะดวกเท่าที่ควร
พล.ต.ต.อดุลย์กล่าวต่อว่านอกจากนี้ยังมีการเสนอให้เพิ่มโทษในกรณีการขับรถประมาทหวาดเสียวซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุแก่ผู้อื่นและการขับรถในลักษณะกีดขวางการจราจรส่งผลให้การจราจรติดขัดอาทิ ขับรถย้อนศรแซงรถในที่คับขันโดยการเพิ่มโทษให้เป็นความผิดลหุโทษและแก้ไขอัตราค่าปรับเป็น 1,000-5,000 บาทจากเดิมที่มีอัตราค่าปรับ 400-1,000 บาท สำหรับการเปรียบเทียบปรับ เจ้าหน้าที่สามารถใช้ดุลยพินิจเปรียบเทียบปรับได้ตามความเหมาะสม แต่จะต้องเป็นไปในแนวทางเดียวกัน
ทั้งนี้ตนได้มอบหมายให้บก.จร.สรุปเนื้อหาที่จะดำเนินการแก้ไขเพื่อเสนอสตช.พิจารณาต่อไปทั้งนี้เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อย่างมีประสิทธิมากยิ่งขึ้นอีกทั้งอัตราค่าปรับในข้อหากระทำความผิดกฎหมายจราจรนั้นมีการบังคับใช้มานานยังไม่มีการปรับปรุงดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบัน ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ตร.ชุมพร รวบผู้ใหญ่บ้านฉาวแก๊งค้ามนุษย์
ตำรวจชุมพร ตามรวบผู้ใหญ่บ้านฉาว แก๊งค้ามนุษย์ข่มขืน ชิงทรัพย์ ลอยแพต่างด้าวกลางป่า
พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี ผกก.สภ.เมืองชุมพร จ.ชุมพร เปิดเผยว่าจากกรณีที่แก๊งค้ามนุษย์พาต่างด้าวชาวเมียนมา จำนวน 74 คน ข้ามฝั่งมาจากบ้านหมาราง ประเทศพม่า ข้ามแม่น้ำกระบุรี ที่บริเวณคอคอดกระ ตำบลปากจั่น อ.กระบุรี จ.ระนอง จากนั้นนายหน้าพร้อมพวก และอาวุธครบมือพาเดินเท้า 3 วัน 3 คืน มาตามป่าเขาเลี่ยงด่านตรวจทหารบนถนนเพชรเกษม เขตรอยต่อ จ.ระนอง-ชุมพร มาพักในแคมป์กลางป่าบ้านในง่วม หมู่ 8 ตำบลบ้านนา อ.เมืองชุมพร ได้ก่อเหตุ ข่มขืนหญิงสาวต่างด้าว 3 คน และนำคนทั้งหมด ไปทิ้งไว้ในป่ากลางหุบเขาหลายวันจนหิวโซ เนื่องจากถูกทหารกดดันอย่างหนัก ไม่สามารถนำต่างด้าวออกไปส่งได้ จนทั้งหมดต้องลงมาขออาหารชาวบ้านกิน นำไปสู่การจับกุมเปิดโปงแก๊งดังกล่าว ต่อมา ตำรวจขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดชุมพรได้ 4 คน โดยแยกเป็นหมายจับผู้ต้องหา 2 คน เป็นกลุ่มนำพาชาวพม่าก่อเหตุชิงทรัพย์ และข่มขืนกระทำชำเราหญิงชาวพม่า 3 คน
ล่าสุด ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองชุมพร สามารถติดตามจับกุมแก๊งนายหน้าที่นำพาแล้วก่อเหตุชิงทรัพย์ และข่มขืนชาวต่างด้าวในพื้นที่บ้านในง่วม หมู่ 8 ตำบลบ้านนาได้แล้ว 1 คน ทราบชื่อคือ นายประเสริฐ สังคม อายุ 52 ปี หรือ ผู้ใหญ่เคว็ด เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลหินแก้ว อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ส่วนผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 3 คน ก่อเหตุในพื้นที่ สภ.ท่าแซะ 2 คน และ สภ.เมืองชุมพร อีก 1 คน ยังคงหลบหนี๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ผบ.ตร.ยันทราบคำสั่งพักราชการอดีต ผบช.ปส.ก่อนหน้านี้แล้ว
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ลงนามเซ็นคำสั่งพักราชการ พล.ต.ท.สุรพล ทวนทอง จเรตำรวจ หลังมีเรื่องร้องเรียนการจัดซื้อเครื่องมือตรวจหายาเสพติด ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้มีหนังสือแจ้งให้ทราบประมาณ 1 เดือนก่อนหน้านี้ จึงสั่งการให้จเรตำรวจแห่งชาติตรวจสอบอีกทาง เพียงแต่ไม่ปรากฏเป็นข่าวต่อสาธารณะเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังมีนายตำรวจระดับสัญญาบัตรและชั้นประทวนอีก 3 นาย กำลังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการสอบสวนเรื่องทุจริตกรณีอื่นๆ ด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีคำสั่งในลักษณะนี้อีก๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
นอกจากนี้ ยังมีนายตำรวจระดับสัญญาบัตรและชั้นประทวนอีก 3 นาย กำลังถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ดำเนินการสอบสวนเรื่องทุจริตกรณีอื่นๆ ด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีคำสั่งในลักษณะนี้อีก๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ขอแนะนำคอลัมน์/รายการ/คลิป/ที่น่าสนใจ/น่าอ่าน/
น่าชม/ซึ่งมีชื่ออยู่ในคลิปหรือข่าวด้านบนนี้ และ
ขอขอบคุณที่มาของข่าว/ภาพจากผู้ที่มีชื่ออยู่ด้านล่างและ
ในข่าวด้านบนนี้ทุกๆท่าน (แนะนำรายการดีๆที่ไปค้นพบมา)
http://paidoo.net/scoop/
http://www.manager.co.th
http://news.sanook.com/1796782/
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา 16558 )ถ่ายทอด
ดังมีรายนามดังนี้.... บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ)
นามปากกา “เดอะกะตะ”(บ.ก.สื่อสยามข่าวมวลชน)
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง
(คนเดลิมิเร่อร์) ผู้ช่วย บ.ก.
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์)
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”)
ปฐมภพ(นามปากกา "คนสายกลาง")
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ
(ที่ปรึกษากฎหมาย)ไม่มีเงินจ้างทนายเราช่วยได้
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรี!)
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ)
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ)
รับปรึกษาเรื่องการเงินในระบบฟรี!
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056)
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่ง
เช่น น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ฉบับที่1,2,3,4,5,6,7
และอีกนับสิบๆสื่อในเครือของเรา
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน
คอลัมนิสต์ นามปากกา “คนพิเศษ”
(ผู้ตรวจข่าวฉบับที่1.)
รองฯ กรรณชัย (นามปากกา”ผู้กองแอ๊ด”)
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ
(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น