วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การยึดรถอาจถูกดำเนินคดีกรรโชกได้(รายการดีที่เราไปค้นพบมา)

การยึดรถอาจถูกดำเนินคดีกรรโชกได้(รายการดีที่เราไปค้นพบมา)
 
การยึดรถของไฟแนนซ์ พนักงานยึดรถจะต้องสุภาพ หากใช้คำ
พูดหรือมีกริยาท่าทางข่มขู่ บังคับขู่เข็ญ จะทำอันตรายผู้เช่าซื้อ
อาจมีความผิดฐานกรรโชกได้
คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5146/2557
ป.อ.มาตรา 337 วรรคแรก บัญญัติว่า “ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอม
ให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์
สินโดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อ
ชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือ
ของบุคคลที่สาม จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำ
ความผิดฐานกรรโชก” ดังนี้ การขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อทรัพย์
สินของผู้ถูกขู่เข็ญเป็นการแสดงให้ผู้ถูกขู่เข็ญเข้าใจว่าจะได้รับ
ภัยในทรัพย์สินของตนจากการกระทำของผู้ขู่เข็ญ ซึ่งอาจขู่เข็ญ
ตรงๆ หรือใช้ถ้อยคำหรือทำกริยาให้เข้าเช่นนั้นก็ได้ โดยไม่จำ
เป็นที่ผู้ขู่เข็ญต้องกระทำต่อทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญจนเสียรูป
ทรงหรือเปลี่ยนรูปทรงไปจากเดิมหรือใช้การไม่ได้หรือทำให้
เสื่อมค่าเสื่อมราคาดังที่จำเลยฎีกา จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้าง
ต้น การที่จำเลยขู่เข็ญให้ผู้เสียหายจ่ายเงินค่าติดตามรถยนต์คืน
หากไม่นำมาให้จะยึดรถยนต์กระบะของผู้เสียหายไป จึงเข้า
ลักษณะเป็นการขู่เข็ญผู้เสียหายโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อ
ทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญคือรถยนต์กระบะของผู้เสียหายแล้ว ซึ่ง
ทำให้ผู้เสียหายเกิดความกลัวและยินยอมนำเงิน 2,300 บาท
ให้จำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานกรรโชก
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 337,83 กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 2,300 บาท ที่ยังไม่
ได้คืนแก่ผู้เสียหาย
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 337,83 กับให้จำเลยคืนหรือใช้เงิน 2,300 บาท ที่ยังไม่
ได้คืนแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 337 วรรคแรก ประกอบมาตรา 83 จำคุก 3 ปี ลัก
ษณะของความผิดของจำเลยเป็นการหลอกลวงประชาชนผู้สุจริต
ให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายของผู้อื่น เป็นเรื่องที่ร้ายแรงจึง
ไม่รอการลงโทษ ให้จำเลยคืนเงิน 2,300 บาท ที่ยังไม่ได้คืนแก่
ผู้เสียหาย จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของ
จำเลยว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย
อาญา มาตรา 337 วรรคแรกหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหาข้อกฎ
หมายดังกล่าว ศาลฎีกาจะต้องฟังข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ภาค
4 ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวน ตามประมวลกฎ
หมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 222 ซึ่งข้อเท็จจริงรับฟัง
เป็นยุติว่านางบุษกร ผู้เสียหาย และนายเสริญ เป็นผู้ครอบครอง
รถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน นช 2738 อุดรธานี ที่ธนาคาร
เกียรตินาคิน จำกัด(มหาชน) เป็นเจ้าของ แต่ผู้เสียหายและนาย
เสริมไม่ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กระบะคันดังกล่าวจาก
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) จำเลยไม่ได้เป็นพนักงาน
ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด(มหาชน) วันเวลาเกิดเหตุตามฟ้อง
จำเลยกับพวกมาที่บ้านผู้เสียหาย แจ้งว่าผู้เสียหายค้างชำระค่า
งวดรถยนต์ 3 งวด และมาติดต่อค่างวด ผู้เสียหายบอกว่าสามี
ไม่อยู่ ไม่รู้เรื่องรถจำเลยจึงบอกว่าถ้างั้นเอาค่าติดตามมา ธนา
คารให้จำเลยกับพวกมาติดตามรถยนต์คืน ผู้เสียหายบอกว่าไม่มี
จำเลยถามว่ามีเท่าไร ผู้เสียหายบอกว่ามี 2,300 บาท จำเลยพูด
ว่าถ้าไม่งั้นจะเอารถยนต์ไป ผู้เสียหายกลัวจำเลยกับพวกจะยึด
รถยนต์ไปจึงบอกให้จำเลยกับพวกเอาเงิน 2,300 บาท ไป
จำเลยจึงเอาเงินจำนวนดังกล่าวไป เห็นว่า ประมวลกฎหมายอา
ญา มาตรา 337 วรรคแรก บัญญัติว่า \"ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอม
ให้หรือยอมจะให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็น
ทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้ายหรือโดยขู่เข็ญหรือของบุคคล
ที่สาม จนถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐาน
กรรโชก\" ดังนี้ การขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อทรัพย์สินของผู้ถูก
ขู่เข็ญเป็นการแสดงให้ผู้ถูกขู่เข็ญเข้าใจว่าจะได้รับภัยในทรัพย์สิน
ของตนจากการกระทำของผู้ขู่เข็ญ ซึ่งอาจขู่เข็ญตรงๆ หรือใช้
ถ้อยคำหรือทำกริยาให้เข้าใจเช่นนั้นก็ได้ โดยไม่จำเป็นที่ผู้ขู่เข็ญ
ต้องกระทำต่อทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญจนเสียรูปทรงหรือเปลี่ยน
รูปทรงไปจากเดิมหรือใช้การไม่ได้ หรือทำให้เสื่อมค่าเสื่อมราคา
ดังที่จำเลยฎีกา จากข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น การที่จำเลยขู่
เข็ญให้ผู้เสียหายจ่ายเงินค่าติดตามรถยนต์คืน หากไม่นำมาให้จะ
ยึดรถยนต์กระบะขู่เข็ญให้ผู้เสียหายจ่ายเงินค่าติดตามรถยนต์คืน
หากไม่นำมาให้จะยึดรถยนต์กระบะของผู้เสียหายไป จึงเข้าลักษ
ณะเป็นการขู่เข็ญผู้เสียหายโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อทรัพย์
สินของผู้ถูกขู่เข็ญคือรถยนต์กระบะของผู้เสียหายแล้ว ทำให้ผู้
เสียหายเกิดความกลัวและยินยอมนำเงิน 2,300 บาทให้จำเลย
การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ ที่ศาล
อุทธรณ์ภาค 4 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของ
จำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน
(ขอบคุณที่มาจากสำนักงานศาลยุติธรรม)
ตัวบทกฎหมายอ้างอิง
พระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ. 2558
มาตรา 11 ห้ามผู้ทวงถามหนี้กระทำการทวงถามหนี้ในลักษณะ
ดังต่อไปนี้
(1) การข่มขู่ การใช้ความรุนแรง หรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้
เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้
หรือผู้อื่น
ประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา 337 ผู้ใดข่มขืนใจผู้อื่นให้ยอมให้หรือยอมจะให้ตนหรือ
ผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษ
ร้าย หรือโดยขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ
ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกขู่เข็ญหรือของบุคคลที่สาม จนผู้
ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกรรโชก ต้อง
ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี และปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
ถ้าความผิดฐานกรรโชกได้กระทำโดย
(1) ขู่ว่าจะฆ่า ขู่ว่าจะทำร้ายร่างกายให้ผู้ถูกข่มขืนใจ หรือผู้อื่น
ให้ได้รับอันตรายสาหัส หรือขู่ว่าจะทำให้เกิดเพลิงไหม้แก่ทรัพย์
ของผู้ถูกข่มขืนใจหรือผู้อื่น หรือ
(2) มีอาวุธติดตัวมาขู่เข็ญ
ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้ง
แต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท

ด้วยความปรารถนาดี
จาก ทีมงานทนายคลายทุกข์ 
 
ขอแนะนำคอลัมน์ดี/คลิปดี (รายการดีที่เราไปค้นพบมา)
ซึ่งมีชื่ออยู่ในคลิปหรือข่าวที่อยู่ด้านบนนี้และ
ขอขอบคุณและขอแนะนำเว๊บไซ้ท์ดีที่มาของข่าว/ภาพ
จากเว๊บที่มีชื่อด้านล่างนี้ที่เราได้ไปค้นพบมาให้ท่านชม

เดชา กิตติวิทยานันท์ ผ่าน decha.com 

ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา 29558 )ถ่ายทอด
ดังมีรายนามดังนี้.... บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ)
นามปากกา “เดอะกะตะ”(บ.ก.สื่อสยามข่าวมวลชน) 
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง
(คนเดลิมิเร่อร์) ผู้ช่วย บ.ก.
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์)
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”) 
ปฐมภพ(นามปากกา "คนสายกลาง")
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ
(ที่ปรึกษากฎหมาย)ไม่มีเงินจ้างทนายเราช่วยได้
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรี!)
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ)
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ)
รับปรึกษาเรื่องการเงินในระบบฟรี!
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056)
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่ง
เช่น น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ฉบับที่1,2,3,4,5,6,7
และอีกนับสิบๆสื่อในเครือของเรา
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน
คอลัมนิสต์ นามปากกา “คนพิเศษ”
(ผู้ตรวจข่าวฉบับที่1.)
รองฯ กรรณชัย (นามปากกา”ผู้กองแอ๊ด”)
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ
(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย) 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น