ปลัดท่องเที่ยวฯ
เน้นย้ำ นทท.เช็คให้ชัวร์
หลังสั่งเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว 874
ราย
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เผยว่า นายอักษร แสนใหม่ รองอธิบดีกรมการท่องเที่ยว
นายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์กลาง เพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจ นำเที่ยว
874 ราย ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ. 2551
และที่แก้ไขเพิ่มเติม ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559
มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2559 โดยแยกประเด็นความผิดได้เป็น 4
กลุ่มประเด็นหลัก ดังนี้
กลุ่มที่
1 คำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
จำนวน 18 ราย เนื่องจาก ขาดคุณสมบัติตามมาตรา
16 และ มาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 กล่าวคือ ขาดคุณสมบัติของผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว
ในเรื่อง การถือสัญชาติไทย หรือ ผู้ถือหุ้นของนิติบุคคล ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย
ทุนของบริษัทไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบต้องเป็นของบุคคลธรรมดาซึ่งมีสัญชาติไทย
และกรรมการของบริษัทเกินกึ่งหนึ่งต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย เป็นต้น
กลุ่มที่ 2 คำสั่งเพิกถอนประกอบธุรกิจนำเที่ยว
จำนวน 35 ราย เนื่องจาก ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 45
แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 เป็นกรณี ที่บริษัทเคยถูกคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวมาแล้ว
แต่ถูกนายทะเบียนมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง ภายในระยะเวลาหนึ่งปีนับแต่วันที่ได้มีคำสั่งพักใช้ครั้งแรก
กลุ่มที่
3 คำสั่งเพิกถอนประกอบธุรกิจนำเที่ยว
จำนวน 6 ราย เนื่องจาก ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวมีการประพฤติหรือปฏิบัติการอันเป็นการฝ่าฝืนตามพระราชบัญญัติ
หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่นักท่องเที่ยวหรือธุรกิจนำเที่ยวอย่างร้ายแรง
โดยนายทะเบียนได้ตักเตือนและสั่งระงับหรือให้แก้ไขแล้ว แต่ไม่ดำเนินการ
ความผิด
ทั้ง 3 กลุ่มนี้ ส่งผลให้ผู้ที่ขาดคุณสมบัติ ไม่สามารถประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้อีก เป็นระยะเวลา
5 ปี นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งเพิกถอน
กลุ่มที่
4 คำสั่งเพิกถอนประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 815
ราย เนื่องจาก ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 46 (2) และมาตรา 35 วรรคสาม
แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ พ.ศ.2551 เพราะการไม่ชำระค่าธรรมเนียมการประกอบธุรกิจนำเที่ยว
จนพ้นกำหนดระยะเวลาหกเดือน นับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวแล้ว
ความผิดกรณีนี้
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว สามารถมายื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ใหม่ ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่
2) พ.ศ.2559 ที่กรมการท่องเที่ยวและสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขา
“ดังนั้น
เพื่อประโยชน์สูงสุดของนักท่องเที่ยว
ก่อนการเลือกใช้บริการนำเที่ยวจากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ให้ตรวจสอบว่าท่านได้เลือกใช้บริการจากบริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายเท่านั้น
โดยนักท่องเที่ยวจะได้รับการคุ้มครองตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยว ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายได้ด้วยตนเอง
ที่ www.tourism.go.th หรือ Call Center 0 2401 1111” ปลัดฯ พงษ์ภาณุ กล่าวย้ำ
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
นายปริวัฒน์
วรรณกลาง อธิการบดีสถาบันการพลศึกษา เป็นประธานการแถลงข่าวโครงการอบรมหลักสูตรมัคคุเทศก์เฉพาะ
(ต่างประเทศ-เฉพาะพื้นที่) รุ่นที่ 1 โดยคณะศิลปะศาสตร์ สาขาวิชาการท่องเที่ยวและนันทนาการ สถาบันการพลศึกษา
ร่วมกับนายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(ATTA) นายกสมาคมสมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย และนายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์
ไทย – จีน ณ สนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร
วันที่ 7 เมษายน 2560
โครงการอบรมหลักสูตรมัคคุเทศก์เฉพาะ (ต่างประเทศ-เฉพาะพื้นที่) มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อผลักดันให้มีการผลิตมัคคุเทศก์ได้อย่างเพียงพอ
สามารถรองรับการขยายตัวด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย
ทั้งนี้ คณะทำงานฯ ได้มอบหมายให้สถาบันการพลศึกษาจัดอบรมมัคคุเทศก์ทั้งในระยะสั้น
ระยะกลาง และระยะยาว
โดยในระยะเร่งรัดนี้ขอให้จัดอบรมมัคคุเทศก์ในระยะสั้นก่อน
1. สถาบันการพลศึกษา ได้พัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรมวิชามัคคุเทศก์ (ต่างประเทศ - เฉพาะพื้นที่ ) เป็นหลักสูตร 92
ชั่วโมง (ศึกษาดูงาน 4 วัน ) จุดเน้นของหลักสูตร คือ เมื่อฝึกอบรมและสอบผ่านได้บัตรมัคคุเทศก์จะสามรถทำงานกับบริษัททัวร์
2. สมาคมมัคคุเทศก์อาชีพแห่งประเทศไทย
สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว(ATTA) สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์จะเป็นผู้รับผิดชอบประสานงาน
ส่งผู้เข้าอบรม และจะคัดเลือกผู้เข้าฝึกอบรมจำนวนไม่เกิน 80 คน
โดยจะเก็บค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมคนละ 10,000 บาท
3. กำหนดการในการฝึกอบรม ดังรายละเอียด
- วันที่ 7 เมษายน 2560
จัดแถลงข่าวการจัดฝึกอบรมวิชามัคคุเทศก์ (ต่างประเทศ -
เฉพาะพื้นที่) จากกรมการท่องเที่ยว
- วันที่ 7 – 12 เมษายน 2560 รับสมัครผู้ประสงค์จะเข้าฝึกอบรมวิชามัคคุเทศก์ (ต่างประเทศ -
เฉพาะพื้นที่) จากกรมการท่องเที่ยว
- วันที่ 18
เมษายน 2560 ดำเนินการคัดเลือกผู้เข้าฝึกอบรม
- วันที่ 18 เมษายน 2560
ประกาศผลผู้มิสิทธิเข้าฝึกอบรม
- วันที่ 19 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2560
ดำเนินการฝึกอบรม
#############################
รายชื่อผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว
จำนว 874 ราย ประกอบด้วย
1.
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ตามมาตรา 46 (1) (3) และ (4) แห่งพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
พ.ศ. 2551 ซึ่งทำให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน 59 ราย
เป็นผู้ขาดคุณสมบัติและประกอบธุรกิจนำเที่ยวไม่ได้เป็นเวลา 5 ปี
นับแต่วันที่ได้รับคำสั่งเพิกถอน
2.
ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว ที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต ตามมาตรา 46 (2) คือ
ไม่ชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยว
ตามพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์
พ.ศ. 2551
เมื่อมีพระราชบัญญัติธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2559
ทำให้ ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยว จำนวน
815 ราย ไม่เป็นผู้ขาดคุณสมบัติการประกอบธุรกิจนำเที่ยว
และหลุดพ้นจากการถูกเพิกถอนใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยอัตโนมัติ
ดังนั้น หากผู้ที่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาต ตามมาตรา 46 (2)
ประสงค์จะขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวอีก
ให้มายื่นคำขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวรายใหม่
ที่กรมการท่องเที่ยวและสำนักงานทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์สาขา
สรุป
ฐานความผิด ประกอบด้วย
(๑) ขาดคุณสมบัติตามมาตรา ๑๖ (๑) หรือมาตรา ๑๗ (๑) หรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๑๖ (๒) (ก) (ข) (ง) (จ) หรือ (ฉ) หรือมาตรา ๑๗ (๒)
จำนวน 18 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
ภาคกลางและภาคตะวันออก
จำนวน 18 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 5 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน 2 ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน - ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน 11 ราย
(๒) ไม่ชำระค่าธรรมเนียมประกอบธุรกิจนำเที่ยวและเงินเพิ่มจนพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา
๓๕ วรรคสาม จำนวน 815 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
ภาคกลางและภาคตะวันออก
จำนวน 378 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 71 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน 45 ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน 47
ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน 215 ราย
ภาคเหนือ
จำนวน 100 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 7 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน - ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน 6 ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน 87 ราย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
จำนวน 7 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 2 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน - ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน 2 ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน 3 ราย
ภาคใต้
จำนวน 331 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 1 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน 23 ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน 21
ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน 286 ราย
(๓) เคยถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา
๔๕ มาแล้ว และภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวนั้น
มีกรณีที่อาจถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวอีก
ไม่ว่าจะเป็นเหตุเดียวกันหรือไม่ก็ตาม จำนวน 35 ราย
มีรายละเอียด ดังนี้
ภาคกลางและภาคตะวันออก
จำนวน 34 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 10 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน 10 ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน 13
ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน 1 ราย
ภาคใต้
จำนวน 1 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน - ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน 1 ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน - ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน - ราย
(๔) ประพฤติหรือปฏิบัติการใดอันเป็นการฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้
หรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่นักท่องเที่ยวหรือธุรกิจนำเที่ยวอย่างร้ายแรง และนายทะเบียนได้ตักเตือนและสั่งระงับหรือให้แก้ไขแล้ว
แต่ไม่ดำเนินการ จำนวน 6 ราย มีรายละเอียด ดังนี้
ภาคกลางและภาคตะวันออก
จำนวน 1 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 1 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน - ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน - ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน - ราย
ภาคเหนือ
จำนวน 2 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน 2 ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน - ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน - ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน - ราย
ภาคใต้
จำนวน 3 ราย แบ่งเป็นประเภท ดังนี้
-ประเภททั่วไป (Outbound)
จำนวน - ราย
-ประเภทนำเที่ยวจากต่างประเทศ (Inbound)
จำนวน 1 ราย
-ประเภทในประเทศ จำนวน - ราย
-ประเภทเฉพาะพื้นที่ จำนวน 2 ราย
รายชื่อธุรกิจนำเที่ยวที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต | |||||||
รายชื่อธุรกิจนำเที่ยวที่หลุดพ้นจากการถูกเพิกถอนใบอนุญาตตาม พรบ. ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 | |||||||
๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓๓
ขอเรียนเชิญสื่อมวลชนทุกท่านร่ วมแถลงข่าว โดย นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกี ฬา เป็นประธาน ประเด็นเรื่อง “สรุปจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้ ช่วงเทศกาลสงกรานต์” ในวันอังคารที่ 18 เมษายน 2560 เวลา13.00 น. ห้องประชุม 1 ชั้น 2 สำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ ยวและกีฬา ถ.ราชดำเนินนอก กรุงเทพฯ ขอบคุณค่ะ
๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔๔
รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เร่งงานสร้างไทยเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวและกีฬา ใช้กลยุทธ์การเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสัมมนาระดับโลก 3
งานใหญ่ WTTC Global Summit
, Sport Accord Convention 2018 และ UNWTO World
Forum on Gastronomy Tourism ชี้สัญญาณนทท.เที่ยวไทยยังสดใส ยอด นทท คุณภาพ ผ่าน 10 ล้านคนแล้ว
นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา
นางกอบกาญจน์ กล่าวว่าขณะนี้ไทยกำลังเร่งเดินหน้าสู่การเป็นศูนย์การกลางการท่องเที่ยว
และ กีฬา โดยใช้กลยุทธ์การเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมสัมมนางานใหญ่ระดับโลก โดยระหว่างวันที่
25 - 27 เมษายน 2560 นี้ จะเป็นเจ้าภาพการจัดงาน World Travel Tourism Council (WTTC) Global Summit ที่กรุงเทพมหานคร
ซึ่งเป็นการประชุมด้านอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโลกที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
โดยในปีนี้สภาการเดินทางและท่องเที่ยวโลก หรือ WTTC เตรียมการจัดงานภายใต้แนวคิด
Transforming our world ขณะที่ประเทศไทยเตรียมนำเสนอความสำคัญของภาคการท่องเที่ยวภายในอาเซียนได้ด้านต่าง
ๆ งานประชุมประจำปี WTTC Global Summit เป็นเวทีที่ได้นำผู้เข้าร่วมประชุมกว่า
750 คน เข้าร่วมเพื่อหารือเกี่ยวกับโอกาส ความท้าทาย
และประเด็นต่างๆที่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังเผชิญอยู่
รวมทั้งยังมีการมอบรางวัล Tourism for Tomorrow Awards (การท่องเที่ยวเพื่ออนาคต)
เพื่อแสดงถึงการตระหนักในบทบาทของอุตสาหกรรมที่เป็นแรงผลักดันที่ก่อให้เกิดความยั่งยืน อีกทั้งยังแสดงถึงคำมั่นว่ารัฐบาลไทยจะพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางของประเทศให้เติบโตมากยิ่งขึ้น
มีความพร้อมเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวระดับนานาชาติ
และศักยภาพของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในการรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมากจากทั่วทุกมุมโลก
นอกจากนี้
ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดงานด้านกีฬาที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ การประชุมสมัชชาสหพันธ์กีฬานานาชาติ
Sport Accord Convention 2018 ระหว่างวันที่ 15-20
เมษายน 2561ซึ่งจะมีประธานสหพันธ์กีฬาต่าง ๆ กว่า 100 สหพันธ์
และผู้บริหารสหพันธ์กีฬาจากทั่วโลก พร้อมครอบครัว กว่า 5,000 คน เข้าร่วมประชุม นับเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในหลายด้านสามารถกระจายรายได้ลงสู่ท้องถิ่น
ทำให้เกิดการจ้างงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการท่องเที่ยวและกีฬาได้อีกมากมาย โดยผลดีที่จะได้ตามมาจากการเป็นเจ้าภาพงานระดับโลกนี้คือจะสามารถยกระดับมาตรฐานสมาคมกีฬาในประเทศไทย
เปิดโอกาสให้คนไทยก้าวขึ้นไปเป็นกรรมการในสหพันธ์กีฬานานาชาติ และประเทศไทยมีความพร้อมสามารถเป็นที่ตั้งสำนักงานภูมิภาคของสหพันธ์กีฬานานาชาติในอนาคต
โดยสิ่งที่จะได้คือโอกาสที่จะทำให้นักกีฬาไทยมีโอกาสได้เหรียญมากขึ้นในมหกรรมกีฬาโลก
และให้คนไทยสนใจเล่นกีฬา และออกกำลังกายมากขึ้นทั้งประเทศ
ล่าสุดเมื่อวาน
ครม.มีมติอนุมัติให้ไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพจัดงาน UNWTO World Forum on Gastronomy Tourism ครั้งที่ 4 ในปี พ.ศ 2561 ที่ประเทศไทย
โดยเล็งเห็นว่ามีประโยชน์หลายด้านที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเป็นเจ้าภาพครั้งนี้
นั่นคือ โอกาสในการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอาหารให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น
รวมถึงการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพและมีประโยชน์ทางโภชนการ เช่น สมุนไพรต่างๆ
ตลอดจนการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร
รวมถึงสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการนำรายได้เข้าสู่ประเทศไทย ในรูปแบบธุรกิจอื่นๆ
เช่น อาหาร โรงแรม ต่อไปด้วย ทั้งนี้หากไทยได้รับการเป็นเจ้าภาพ
จะต้องมีการลงนามความตกลงร่วมกับ UNWTO ในการเป็นเจ้าภาพต่อไป
นางกอบกาญจน์
ยังเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงช่วงเมษายน 2560 ว่า นักท่องเที่ยว 10 อันดับแรก ได้แก่ จีน
มาเลเซีย รัสเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ลาว อินเดีย เยอรมัน สหรัฐอเมริกา
และสหราชอาณาจักร รวมรายได้ 124,390 ล้านบาท และมีข่าวน่ายินดีว่าในเดือนเมษายนนี้
ไทยมีนักท่องเที่ยวเป็นเข้าสู่หลัก 10 ล้านคนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เทียบกับเมื่อปี 2559 ถือว่าเป็นบวกขึ้นมาร้อยละ 2.11 ในช่วงเดือนเดียวกันนี้
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่
1-10 เมษายน 2560 นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย
จำนวน 911,636 คน ขยายตัวร้อยละ 6.22 ก่อให้เกิดรายได้จากนักท่องเที่ยว 47,356.53
ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 12.20 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม
ถึงปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวสะสมจำนวน 10,105,693 คน ก่อให้เกิดรายได้ 529,080.61 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 2.11 และ4.58 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาตามลำดับ
ส่วนการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ในแต่ละพื้นที่
นางกอบกาญจน์ ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลด้านความปลอดภัย
และการให้ความช่วยเหลือแก่นักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ เช่น
กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจะดูแล 3 ด้านหลักๆ ได้แก่ การป้องกันปราบปรามอาชญากรรม
ด้านการรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ และด้านการอำนวยความสะดวกและบริการประชาชน
ซึ่งกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยวจะตั้งจุดอำนวยความสะดวกประชาชนสำหรับการเดินทาง
และดูแลรักษาความปลอดภัยในการดินทางกลับภูมิลำเนา บริเวณพื้นที่หลักๆ อาทิ ท่าอากาศยาน
สถานีรถไฟ ท่าเรือและสถานีขนส่งผู้โดยสาร
นอกจากนี้จัดกำลังออกตรวจตราดูแลการเล่นน้ำสงกรานต์ให้เป็นไปตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี
เช่น การใส่ผ้าไทย การแต่งกายให้สุภาพ อีกทั้งการนำแอพพลิเคชั่น Home Guard มาใช้เป็นช่องการการติดต่อสื่อสารสองทางกับประชาชน
เพื่อร่วมกันติดตามและเฝ้าระวังเหตุร้ายและความเคลื่อนไหวต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง
หรือหากต้องการความช่วยเหลือสามารถโทรสายด่วน 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
************************************
"รมว.ท่องเที่ยว"
เตือนประชาชนอย่าหลงเป็นเหยื่อธุรกิจอาหารเสริมหลอกขายทัวร์
แนะให้ตรวจสอบการจดทะเบียนการค้าตามกฎหมาย
นางกอบกาญจน์
วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จากการติดตามความคืบหน้า ขณะนี้ทราบว่ามีผู้เสียหายไปแจ้งความที่กองปราบอยู่ประมาณ
30 คน ที่เหลือจะแจ้งกับ สภ.พื้นที่ตามภูมิลำเนาที่เกิดเหตุ
โดยขณะนี้ได้สั่งสั่งการผ่าน เจ้าหน้าที่ท่องเที่ยวกีฬาจังหวัด ตรวจสอบและตักเตือน
สมาชิกของบริษัทนี้ในแต่ละจังหวัด ซึ่งทางกระทรวงขอเตือนว่าประชาชนไม่ควรหลงเชื่อธุรกิจที่ขายทัวร์ออนไลน์ที่ไม่ได้จดทะเบียนอย่างถูกต้อง
ด้วยราคาระดับหลักหมื่นต้นๆเท่านั้น เนื่องจากมีความเป็นไปได้ยากในการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยการดำเนินการในลักษณะนี้
นางกอบกาญจน์
กล่าวว่าเพิ่มเติมว่า กรณีการดำเนินการเอาผิดกับผู้แอบอ้างจากกรณีกลุ่มธุรกิจขายตรงหลอกลวงขายทัวร์ราคาถูกไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น
มีผู้ตกเป็นเหยื่อประมาณ
400-600 คน
ถูกลอยแพที่สนามบินสุวรรณภูมินั้น
เรื่องดังกล่าวนี้เกิดขึ้นโดยกลุ่มธุรกิจนี้อาศัยการสื่อสารที่มีการแอบอ้างถึงเรื่องการไม่ได้ขายทัวร์แต่ขายอาหารเสริมแล้วจัดทัวร์ไห้ลูกทีมไปไปเที่ยว
มีการจัดรายการทัวร์ โดยไม่ได้ใช้บริษัททัวร์ จึงอาจจะเข้าข่ายการประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับอนุญาต
มีความผิด ตามมาตรา 80
ผู้ใดประกอบธุรกิจนำเที่ยวโดยไม่ได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวตามมาตรา
15
หรือประกอบธุรกิจนำเที่ยวในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาตอันเป็นการฝ่าฝืนมาตรา
45 วรรคสอง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินห้าแสนบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
นางกอบกาญจน์
กล่าวว่า จากการประชุมล่าสุด ได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ยังมีกลุ่มสมาชิกที่สมัครใจ
จะเดินทางไปในช่วงวันหยุดสงกรานต์นี้กับเที่ยวบินเช่าเหมาลำ แต่จากการตรวจสอบแล้วไม่มี
จึงขอย้ำว่า ขอให้บางส่วนที่หลงเชื่ออยู่ให้ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง ว่าเป็นบริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนถูกต้องหรือไม่
ทั้งนี้ หากเกิดข้อปัญหา สงสัยว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อธุรกิจแอบแฝงดังกล่าวนี้ สามารถโทรสายด่วน
ร้องเรียนได้ที่ ตำรวจท่องเที่ยว 1155 หรือ กรมการท่องเที่ยว 02-401-1111
((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((
((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((((
พงษ์ภาณุมั่นใจกระทรวงฯ
พร้อมดูแล นทท.ทั้ง ไทย-เทศ ช่วงสงกรานต์ 60
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์
ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวย้ำ ถึงมาตรการความปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์
และเป็นช่วงที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
อาทิ กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ให้ดูแล ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ช่วงเทศกาลสงกรานต์
นายพงษ์ภาณุ กล่าวเพิ่มเติมว่า
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา มีหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบให้การช่วยเหลือนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศ
คือ “ศูนย์แก้ไขปัญหาการหลอกลวงและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว (Tourist Assistance Center : TAC)”
จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2555 มีทั้งหมด 16 ศูนย์ฯ ใน 15 จังหวัดและกรุงเทพฯ
รวมเจ้าหน้าที่ 191 คน อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของกองมาตรฐานและกำกับความปลอดภัยนักท่องเที่ยว
ทำหน้าที่อำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด้านต่างๆ เช่น
ให้คำแนะนำด้านการท่องเที่ยวและการป้องกันภัยจากการท่องเที่ยว รับเรื่องร้องเรียน
ร้องทุกข์
และประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
แต่ละศูนย์มีเจ้าหน้าที่สามารถสื่อสารได้หลายภาษาอยู่ประจำทุกศูนย์ ได้แก่
ภาษาอังกฤษ รัสเซีย เกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฝรั่งเศส สเปน ลาว เป็นต้น และจากสถิติในการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยว
ของศูนย์แก้ไขปัญหาการหลอกลวงและช่วยเหลือนักท่องเที่ยว ระหว่างเดือนมกราคม-ธันวาคม
2559 มีจำนวน 3,507 ราย อาทิ การให้เงินช่วยเหลือ, ไกล่เกลี่ย,
ติดตามคนหาย/ของหาย,ล่ามและให้คำปรึกษาทั่วไป
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
มีโครงการ “ขับขี่ปลอดภัย สงกรานต์ทั่วไป”
ตามโครงการกิจกรรมรณรงค์นักท่องเที่ยวขับขี่ปลอดภัยในเทศกาลสงกรานต์ ปี 2560
เพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเกิดความรู้
ความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายจราจร โดยได้ดำเนินการในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ และขอย้ำนักท่องเที่ยวเช็คให้ชัวร์ก่อนซื้อทัวร์
ซึ่งกระทรวงฯ ได้ประชาสัมพันธ์ไปล่วงหน้าแล้วว่า 874 บริษัทที่ถูกเพิกถอนใบอนุญาต
สามารถตรวจสอบได้ที่ www.tourism.go.th หรือ Call Center 0 2401 1111” หากต้องการความช่วยเหลือสามารถโทรสายด่วนของกองบังคับกาตำรวจท่องเที่ยว
Call Center 1155 และสามารถโทรศัพท์ได้ทุกศูนย์
ซึ่งมีประจำอยู่ทั่วทุกจังหวัดในแหล่งท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย ได้แก่
1. ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
0 2134 4077
2. ท่าอากาศยานดอนเมือง
0 2535 3431, 0 2535 3433, 08 3131 2267
3. เชียงราย 053 793 043, 053 792 854, 053 152 034
4. เชียงใหม่
053 281 438, 053 281 439
5. สุโขทัย
055 610 222
6. ชลบุรี
038 054 199, 038 410 044
7. กาญจนบุรี
034 520 266, 034 511 285, 093 124 4682, 085 666 5981,
093
124 4682
8. พระนครศรีอยุธยา
035 245 417
9. ประจวบคีรีขันธ์
032 611 543, 095 575 4213
10. อุบลราชธานี
086 361 4291, 091 072 4546
11. อุดรธานี
042 347 130, 093 068 9456
12. สุราษฎร์ธานี
077 953 105, 077 456 979, 077 310 870, 084 383 9398
13. ภูเก็ต
076 327 100
14. สงขลา
097 248 3636, 074 230 772, 083 001 8198
15. กระบี่
075 663 246 ต่อ 201, 075 701 493, 075 637 208
16. พังงา
064 029 9429
***********************
/////////////////////////////////////////////////////////////
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์สายกลาง.....ถ่ายทอด.....
ดังมีรายนามผู้บริหารดังนี้…. บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ......
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ).....
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม.....
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม.....
ปัจจุบันผู้อำนวยการ
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์สายกลาง.....
จตุพล
(นามปากกา บ.ก. 3 สื่อ)...และอัพเดท.....
สุพรรณษา แซ่อั๊ง(นามปากกา"ผักบุ้ง)......
สุนันทา ธัญญะพัฒนา (ที่ปรึกษา ผ.อ.)
นามปากกา(ดอกคูณเมืองขอนแก่น) ที่ปรึกษาผ.อ.
สุนันทา ธัญญะพัฒนา (ที่ปรึกษา ผ.อ.)
นามปากกา(ดอกคูณเมืองขอนแก่น) ที่ปรึกษาผ.อ.
สุพัฒน์กฤต นามปากกา (ป้อม) ที่ปรึกษา บ.ก......
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์).....
ปฐมภพ(นามปากกา “คนสายกลาง”)....ผู้ช่วยบ.ก….
สมชัย (นามปากกา"พฤกษ์ภิรมย์')ที่ปรึกษาบ.ก......
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ....สื่อในเครือ
ชมรมนักข่าวช่วยสังคม.....(ที่ปรึกษา).....สื่อในเครือ
ชมรมนักข่าว2000......(ที่ปรึกษา).......สื่อในเครือ
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์สายกลางฉบับEMAIL NEWS.....
ที่ปรึกษา....และสื่อในเครือ......
สำนักปฎิบัติธรรม
"พลังพุทโธ"(ที่ปรึกษา).....
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
โทร.099-2612588(ไลน์) หรือ 086 – 7928056)......
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวร่วมหลายแสนคน.....
ท่านที่ต้องการอ่านน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์สายกลาง.....
ฟรี!ขอได้ที่....ตู้ป.ณ. 30 ป.ณ.พลับพลาไชย กทม.10100.....
คอลัมนิสต์นามปากกา“คนพิเศษ”(ผู้ตรวจข่าวคนที่1.).....
รองฯ กรรณชัย (นามปากกา”ผู้กองแอ๊ด”).....
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ.....(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย).....
ทีมงานที่ได้ใส่ชื่อในคอลัมน์นี้จะต้องมีผลงานทุกเดือนเท่านั้น......
ถ้าเดือนไหนที่ไม่มีผลงานจะไม่ได้รับการใส่ชื่อ.......
และผู้ที่ขาดการประชุม
2 ครั้งติดต่อกัน จะต้องถูกปลดออก.....
ผู้ที่ไม่มีชื่อปรากฏในสื่อของเราให้ใช้บัตรประจำตัวผู้สื่อข่าวแทน.....
ตรวจสอบว่าผู้สื่อข่าวคนใดถูกปลดแล้วหรือไม่?ให้โทร.086-7928056
(ถ่ายทอดเฉพาคลิปแรกนี้เท่านั้นคลิปอื่นต่อเนื่องที่แทรกมา
ไม่เกี่ยวข้องกับเราเป็นเรื่องของคนอื่น).....
(น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์สายกลาง(ถ่ายทอด).......
……………………………………………………..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น