ข่าวท่องเที่ยว/ข่าวบันเทิง/ข่าวโรงพยาบาล
(ผักบุ้ง...รายงาน)(น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์...ถ่ายทอด)ประจำวันที่…14 ก.ค.2559
รายงานบันเทิง
"พลังแห่งรัก...ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา"
รำลึก 8 ปี ทนงศักดิ์ เฉลิมฉลอง 83 ปี โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง
อบอวลไปด้วยบรรยากาศที่เต็มไปด้ วยเพลงรักสุ ดแสนไพเราะในบทเพลงที่ ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา ขับร้องไว้ ถ่ายทอดโดยศิลปินนักร้องมิตรที่ รวมตัวกันมาด้วยความคิดถึง เพื่อรำลึกการจากไป 8 ปี ของ ปื๊ด ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา ในคอนเสิร์ต “พลังแห่งรัก...ทนงศักดิ์ ภักดีเทวา” ซึ่งจัดขึ้นรอบ บ่ายสองโมงตรง วันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2559 ณ ศาลาเฉลิมกรุง
เปิดคอนเสิร์ตด้วย สุธีศักดิ์ ภักดีเทวา ทายาทโดยตรงของ ปี๊ด ทนงศักดิ์ ที่ร้องเพลงได้ไพเราะถอดแบบผู้ เป็นพ่อมาในเพลง ไม่รักไม่ว่า และตำรวจตระเวนชายแดน พร้อมด้วย ผศ. กฤษณา ภักดีเทวา มาร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวของปี๊ ด ทนงศักดิ์ และครอบครัวให้แฟนเพลงได้ฟังกัน 2 พิธีกร นันทวัน เมฆใหญ่ สุวรรณปิยะศิริ – กัญจนปกรณ์ แสดงหาญ นำเข้าสู่บรรยากาศคอนเสิร์ตพบกั บศิลปินมิตรรักมากมายที่มาร่ วมร้องเพลงด้วยความคิดถึง ปี๊ด ทะนงศักดิ์ นำโดย 4ศิลปินแห่งชาติ สุเทพ วงศ์กำแหง ชาลี อินทรวิจิตร สุประวัติ ปัทมสูต จินตนา สุขสถิตย์ และศิลปินนักร้องชั้นนำ อาทิ นฤพนธ์ ดุริยพันธ์, นีรนุช ปัทมสูต, ร.ต.ต. เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ, ธนิฐ ธนโกเศศ, บูรพา-ญาดา อารัมภีร, เท่ห์ อุเทน พรหมมินทร์ มาร่วมร้องเพลงไพเราะโดยเพลงที่ นำมาร้องให้ฟังกันเป็ นเพลงของทนงศักดิ์ล้วนๆ อาทิ ยามชัง น้ำตาแสงไต้ วันคอย ตะวันยอแสง นางแก้วในดวงใจ ฃีวิตละคร, หอรักหอร้าง, ในฝัน, นกเอี้ยงจ๋า, ที่แสนดีของฉัน, จนจริงไม่จนรัก, พี่รักเจ้าสาว, อยู่เพื่อคอยเธอ เป็นต้น
ร่วมด้วยนักร้องรุ่นใหม่แชมป์ จากศาลาเฉลิมกรุง อดิศัย เอื้อโภไคยกุล, กตธิป อัครวิกรัย, ตันติกร เมืองหนองหว้า ที่มาสร้างสีสันพร้อมกับนักร้ องนำที่คงเหลืออยู่เพียงคนเดี ยวของคณะสามศักดิ์ คือ อรสา อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่มาสร้างเสียงหั วเราะในงานเพลงน่ารัก สนุกๆ ในเพลงดัง แมวเหมียว, เพชรตัดเพชร, หัวใจขายขาด เต็มอิ่มไปกับความประทั บใจในความงดงามของการแสดงนาฏศิ ลป์ไทยประกอบเพลงชุดพิเศษจากศิ ษย์ ผศ.กฤษณา ภักดีเทวา ในเพลงคอยอ้อมกอดพี่ และยอยศพระลอ นับเป็นอีกคอนเสิร์ตงานเพลงดีๆ ที่ศาลาเฉลิมกรุงตั้ งใจนำมาฝากแฟนเพลงในโอกาสเฉลิ มฉลองครบรอบ 83 โรงมหรสพหลวงศาลาเฉลิมกรุง แห่งนี้
สำหรับรายการศาลาเพลง-ศาลาเฉลิ มกรุง เดือนสิงหาคม แฟนเพลงยุค 60 ‘s พลาดไม่ได้พบกับคอนเสิร์ต “โก๋หลังวัง” ในวันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 บ่ายสองโมงตรง เมื่อ โก๋รุ่นเก๋า & กี๋ขวัญใจโก๋ นัดดวลเพลงแบทเทิ่ลกันเพลงต่ อเพลง เตรียมพบกับความสุขความบันเทิ งที่ศาลาเฉลิมกรุงเตรี ยมนำมาฝากแฟนเพลงกัน ศาลาเฉลิมกรุง โทร. 0-2225-8757
ต๋อย ศาลาเฉลิมกรุง
084-7624863
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
รายงานบันเทิง
แถลงข่าวคอนเสิร์ต “โก๋หลังวัง” ตอน โก๋ VS กี๋
เมื่อวันพุธที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ศาลาเฉลิมกรุงได้จัดงานแถลงข่าว “โก๋หลังวัง”ตอน โก๋ VS กี๋ เปิดเวทีด้วยพิธีกร เอดเวอร์ด แวนโซ่ กล่าวถึงวัตถุประสงค์และความร่ วมมือในการจัดคอนเสิร์ตครั้งนี้ หลังจากนั้นโก๋กี๋รุ่นเก่ามาขั บร้องเพลงแบทเทิลฮอตฮิตยุค 60’s เริ่มด้วยเพลงTreat Me Nice ขับร้องโดย จีระศักดิ์ ปิ่นสุวรรณ (Elvis รุ่นใหญ่ของเมืองไทย) มาแบทเทิลด้วยเพลง Proud Mary ขับร้องโดยสาวมาดเซอร์ กรรณิกา อารีสมาน (ทีน่า เทอร์เนอร์เมืองไทย)และคู่แบทเทิลต่อมากับเพลง I Started a Joke ขับร้องโดย หนุ่มอารมณ์ดีมาทีไรเรียกเสี ยงฮาได้ตลอด กัณพล ปรีดามาโนช (ปิง ฟรุ๊ตตี้) มากับนักร้องเสียงดีลีลาเด็ด เม้า...สุดา ชื่นบาน Rock around the Clock คู่ต่อมาเป็นเพลง La Bamba ขับร้องโดยหนุ่มหล่อมาดเท่ห์ วสุ แสงสิงแก้ว(จิ๊ป รด.) ที่ชวนสาวเสียงดีเซ็กส์ซี่ อย่าง เมธินี อ่วมเจริญ มาในเพลง Kiss me another ที่คราวนี้โชว์พลังเสียงทำเอาสื่ อมวลชนกรี๊ดและปรบมือไปตามๆกัน และปิดท้ายด้วย กล ภาคสุวรรณเจ้าของฉายา คลิฟ ริชาร์ด เมืองไทยมากับเพลงจังหวะสนุ กๆอย่าง Do You Want To Dance ปิดด้วยเพลง Lipstick On Your Collar ขับร้องโดย ศิริมา สุนทรรังษี นี่แค่เป็นส่วนหนึ่งของคอนเสิร์ ตเท่านั้น และยังมีศิลปินอีกมากมายเช่น วิรัช อยู่ถาวร, สุพงษ์ กรสวัสดิ์ (เถร แฮงค์), ผุสดี เอื้อเฟื้อ, นุสรา ยงยุทธ สนุกสนานไปกับจิ๊กโก๋หนุ่ม&จิ๊ กกี๋สาวรุ่นใหม่...ที่มีดีกรี แชมป์จากเวทีศาลาเฉลิมกรุง มาการันตีคุณภาพ พบกับ จิ๊กโก๋หนุ่มหล่อ...ศุภกิจ กัลยาณกุล(เข้ม), กตธิป อัครวิกรัย(กะธิ), อดิศัย เอื้อโภไคยกุล (อู๋) และจิ๊กกี๋สาวซ่าส์...ภัทรานิ ษฐ์ เพฑูริยาเวทย์(เมจิ),ลักขณา บุญบุตร(หลิว), กานต์ธยาน์วรรณ สมอ่วม (ฟ้า) แฟนคลับโก๋กี๋เตรียมกรี๊ดสนั่ นมันส์สนุกแบบใกล้ชิดติดขอบเวที กันเลยทีเดียว รำลึกความทรงจำดีๆ กับเพลง ฮอตฮิตที่รับประกันว่าร้องตามกั นได้แบบเจ๋งๆ บรรเลงโดย “วงเฉลิมราชย์” พิธีกรโดย เอดเวอร์ด แวนโซ่ - นัจนันท์ พฤกษ์ไพบูลย์
แฟนเพลงยุค 60’s พลาดไม่ได้ คอนเสิร์ต “โก๋หลังวัง”ตอน โก๋ VS กี๋วันอาทิตย์ที่ 7 สิงหาคม 2559 รอบ 14.00 น. ณ ศาลาเฉลิมกรุง โทร. 0-2225-8757-8, 0-2623-8148-9
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ : ต๋อย โทร. 084-762-4863, พีช โทร. 081-987-6910, แอ๊ป โทร. 081-926-5416
แนน โทร. 085-9155596, ปั้นเหน่ง โทร. 092-647-1655
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
“รพ.จุฬาลงกรณ์”
จัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ
“Chula
Anesthesia Run 2016” หมอดมยาพาวิ่ง
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
สภากาชาดไทย และ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมจัดงานแถลงข่าว “โครงการวิ่งการกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” Chula
Anesthesia Run 2016 (หมอดมยาพาวิ่ง) ในวันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม
2559 เวลา 12.30 น. ณ โถงชั้นล่าง อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
ศาสตราจารย์นายแพทย์สุทธิพงศ์ วัชรสินธุ
ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และ คณบดี
คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย
ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีความก้าวหน้าทางการรักษาในระดับนานาชาติ เป็นที่ประจักษ์อย่างต่อเนื่องและยาวนาน
ดำเนินการช่วยเหลือผู้ป่วยตามหลักการกาชาดมาโดยตลอด ซึ่งที่ผ่านมาด้วยจำนวนผู้ป่วยที่สูงมากกว่า
1,400,000 รายต่อปี
โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์จึงได้จัดสร้างอาคารรักษาพยาบาลรวมเฉลิมพระเกียรติ
และศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ เพื่อให้บริการผู้ป่วยแบบครบวงจรอย่างเป็นรูปธรรม
โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่ออาคารนี้ว่า
“ภูมิสิริมังคลานุสรณ์” มีความหมายว่า อาคารที่เป็นมงคลของสองพระองค์
ตามที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกา ผู้อำนวยการ
สภากาชาดไทย ทรงเสนอชื่อ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2553 และ
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ เสด็จทรงเทปูนปิดงานโครงสร้างอาคารเมื่อวันที่ 3 กันยายน
2555
ในปี พ.ศ.2559 อาคาร
“ภูมิสิริมังคลานุสรณ์” เริ่มเปิดให้บริการและจัดหาอุปกรณ์ทางการแพทย์อีกเป็นจำนวนมาก
ประกอบกับในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์
พระบรมราชินีนาถ และทรงดำรงตำแหน่งสภานายิกา สภากาชาดไทย ครบ 60 ปี
ทางฝ่ายวิสัญญีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ และภาควิชาวิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงได้จัดงาน “Chula Anesthesia Run 2016”
ขึ้น เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติองค์สภานายิกาสภากาชาดไทย หารายได้สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์สำหรับอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์
ต่อไป
ศ.นพ.สมรัตน์ จารุลักษณานันท์ ประธานการจัดงาน Chula Anesthesia Run 2016 (หมอดมยาพาวิ่ง)
กล่าวว่า รายละเอียด Chula Anesthesia Run 2016 (หมอดมยาพาวิ่ง) ซึ่งเป็นโครงการเดิน-วิ่ง การกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ รายได้จากการจัดงานสมทบทุนเพื่อจัดซื้ออุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ใช้ในห้องผ่าตัด
อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย โดยแบ่งการวิ่งออกเป็น
3 ประเภท ดังนี้
1. Vertical Run เป็นการวิ่งขึ้นอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ จำนวน
34 ชั้น ความสูง 140 เมตร ทั้งหมด 921 ขั้น ค่าสมัครท่านละ
999 บาท ซึ่งรับสมัครเพียง 300 คนเท่านั้น สำหรับผู้ที่สามารถพิชิตดาดฟ้าอาคารภูมิสิริมัง-คลานุสรณ์ จะได้รับเสื้อและเหรียญที่ระลึกของงาน รวมทั้งมอบเหรียญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี ซึ่งผ่านพิธีพุทธาภิเษก ณ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร โดยสมเด็จพระสังฆราชฯ เสด็จเป็นประธานในพิธี
เมื่อปี พ.ศ. 2529 ซึ่งมอบให้แก่ผู้ที่แข่งขันประเภทนี้เท่านั้น และผู้ชนะเลิศลำดับที่
1-3 ทั้งประเภทชายและหญิงจะได้รับรางวัลเงินสดและถ้วยรางวัล สำหรับผู้เข้าร่วมการแข่งขันวิ่งขึ้นอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ที่สามารถวิ่งจนจบระยะทางจะได้รับประกาศนียบัตรพร้อมระบุเวลาที่วิ่งจนจบ
ซึ่งการวิ่ง
Vertical
Run นี้ เป็นการวิ่ง Vertical Run
ครั้งนี้เป็นการวิ่งขึ้นอาคารสูงของโรงพยาบาลครั้งแรกของประเทศไทยจะปล่อยตัวเป็นล็อตๆ
โดยเริ่มจากลานจอดรถชั้นใต้ดินล่างสุด เป็นทางราบประมาณ 200 เมตร
ก่อนที่จะเข้าบันไดหนีไฟจนถึงดาดฟ้า และตัดสินผู้ชนะโดยใช้ชิพจับเวลา
เส้นทางวิ่ง ประเภท Vertical
Run
*ปล่อยตัวในโรงพยาบาล เป็นล็อตๆ วิ่งขึ้นตึก จำนวน 34 ชั้น ความสูง 140 เมตร
จำนวน 921 ขั้น
*การตัดสินใช้ ชิพจับเวลา เป็นเกณฑ์ในการตัดสิน
2. Mini-marathon 10.3 กิโลเมตร เป็นการวิ่งมินิมาราธอนทางราบ เส้นทางวิ่งคือบริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และถนนใกล้เคียง วิ่งผ่านสยามสแควร์ เข้าจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผ่านทางฝั่งหอประชุมและสนามกีฬาจุฬาลงกรณ์ การแข่งขันประเภทนี้จะมีชิพจับเวลาเช่นกัน ผู้ที่เข้าแข่งขันจะได้รับเสื้อและเหรียญที่ระลึก ของงาน ค่าสมัครท่านละ 500 บาท ผู้ที่ชนะเลิศการวิ่งระยะทาง Mini-marathon ทั้งประเภทชายและหญิง จะได้รับรางวัลเป็นเงินสดและถ้วยรางวัล และผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนที่วิ่งเข้าเส้นชัยจะได้รับเหรียญรางวัลด้วย
3. Fun Run เป็นการวิ่งทางราบ ระยะทาง 4 กิโลเมตร เส้นทางวิ่งคือบริเวณโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และถนนใกล้เคียง ผู้เข้าร่วมแข่งขันจะได้รับเสื้อและเหรียญที่ระลึกของงานเช่นกัน ค่าสมัครท่านละ 500 บาท FUN Run เป็นการวิ่งเพื่อสุขภาพ (ไม่มีการแข่งขันชิงรางวัล) กำหนดการรับเสื้อและชิพจับเวลา วันที่ 26-27 ก.ค. 59 16:00-19:00 น. สวนสาธารณะเซ็นทรัลพระราม 2 และวันที่ 30 ก.ค. 59 11:00-17:00 น. อาคารภูมิสิริมงคลานุสรณ์ หรือจัดส่งทางไปรษณีย์เอกชน
*สถานที่จอดรถวันแข่งขัน :
ไม่อนุญาติให้นำรถเข้าไปจอดที่ โรงพยาบาล
เนื่องจากจะต้องใช้เป็นเส้นทางวิ่งในวันงาน แต่สามารถนำรถไปจอดได้ที่ สวนลุมพินี, อาคารอื้อจือเหลียง,
ตึกรัฐศาสตร์ และ ตึกอักษรศาสตร์จุฬา (มีค่าใช้จ่ายตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด)
“โครงการวิ่งการกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ สภานายิกาสภากาชาดไทย นี้
เป็นการวิ่งครั้งประวัติศาสตร์ขึ้นอาคารสูงของโรงพยาบาลเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการให้บริการทางฝ่ายวิสัญญีวิทยาแก่ผู้ป่วยที่มารับการผ่าตัด
ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์
พระบรมราชานุสาวรีย์กับพระมหากรุณาธิคุณของล้นเกล้าทั้งสองพระองค์”
อ.นพ.ปรก
เหล่าสุวรรณ์ ผู้ประสานงานโครงการ Chula Anesthesia Run 2016
(หมอดมยาพาวิ่ง) กล่าวว่า ในส่วนของการเตรียมความพร้อม
เพื่อจัดการความปลอดภัยของผู้เข้าร่วมงานวิ่งการกุศล Chula
Anesthesia Run 2016 (หมอดมยาพาวิ่ง) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 31
กรกฎาคม 2559 ทางโครงการฯ ได้จัดเตรียมแผนต่างๆ ไว้ดังนี้
การวิ่ง
Vertical
Run การวิ่งขึ้นอาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ จำนวน 34 ชั้น ความสูง
140 เมตร
1.
จัดวางแพทย์ประจำบ้านวิสัญญีวิทยาและนิสิตแพทย์กระจายตัวตามโถงบันไดทางวิ่งจำนวน
28 คน ซึ่งสามารถเข้าช่วยเหลือผู้ประสบเหตุได้ทันทีที่เกิดเหตุ
2.
ทีมขนย้าย ได้แก่ เจ้าหน้าที่เวชศาสตร์ฉุกเฉิน
3 ชุด พร้อมด้วยอุปกรณ์ตามมาตรฐานการขนย้ายผู้ป่วยและเครื่อง AED จำนวน 10 เครื่อง
ที่สามารถเข้าถึงผู้ป่วยได้ภายใน 2 นาที
3.
เตรียมลิฟท์ที่ใกล้กับทางออกของโถงบันไดทางวิ่งพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพขั้นสูงซึ่งดัดแปลงเป็น
“รถพยาบาลแนวตั้ง” ไว้สองตัว เพื่อขนส่งผู้ป่วยไปห้องฉุกเฉิน
4.
ทีมอำนวยการได้แก่ วิสัญญีแพทย์ 2 คน
และนิสิตแพทย์ 2 คน ตั้งรับสถานการณ์อยู่ที่โถงชั้น 12
ใกล้ทางวิ่งพร้อมอุปกรณ์กู้ชีพเบื้องต้นและขั้นสูง
5.
เตรียมสถานที่ให้พร้อมเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุให้มากที่สุด เช่น
ปรับพื้นทางวิ่งบางส่วนป้องกันการลื่นหรือสะดุดหกล้ม
ป้องกันการกระแทกต่อท่อเหล็กบริเวณโถงบันไดทางวิ่ง เป็นต้น
6.
จัดตั้งทีมเฝ้าระวังปิดท้ายหลังนักวิ่งคนสุดท้ายปล่อยตัวและจนกว่าจะเข้าเส้นชัยครบทุกคน
7.
ติดต่อสื่อสารด้วยวิทยุสื่อสารและหรือโทรศัพท์มือถือ
8.
มีการอบรมทำความเข้าใจแก่บุคลากรที่เกี่ยวข้องตามแนวทางที่วางไว้และจัดซ้อมในสถานการณ์จำลองพร้อมอุปกรณ์จริง
9.
ประสานงานกับแพทย์ห้องฉุกเฉินและอายุรแพทย์โรคหัวใจเพื่อเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ในวันจริง
การวิ่ง
Mini-marathon และ FUN Run การวิ่งมินิมาราธอนทางราบ
1.
ประสานงานกับ อ.นพ.ธนดล โรจนศานติกุล
ศูนย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน เตรียมรถพยาบาลฉุกเฉินไว้ 2 คัน
และรถจักรยานยนต์ฉุกเฉิน 2 คัน
และชุดปฏิบัติงานเจ้าหน้าที่เวชศาสตร์ฉุกเฉิน
2.
ประสานงานกับชุดรักษาความปลอดภัยเรื่องการเปิดปิดประตูของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่รถพยาบาลในกรณีฉุกเฉิน
3.
ติดต่อสื่อสารด้วยวิทยุสื่อสารและหรือโทรศัพท์มือถือ
“ขอให้ผู้ร่วมวิ่งการกุศลในครั้งนี้
เตรียมร่างกายมาให้พร้อม แล้วมาสร้างกุศลร่วมกันครับ”
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
แถลงข่าวกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
เรื่องการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเสนอร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 – 2564)
และร่างข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติ
วันพฤหัสบดีที่ 14กรกฎาคมพ.ศ. 2559 เวลา 13.30 น.
ณ โรงแรมเดอะ แกรนด์ โฟร์วิงส์
คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร
--------------------------------------
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้จัดการประชุมเพื่อรับฟังความคิดเห็นต่อข้อเสนอร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2560 – 2564) และร่างข้อเสนอแนวทางการขับเคลื่อนแผนสู่การปฏิบัติในวันพฤหัสบดีที่
14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559 ณ ห้องพาวิลเลี่ยน เอณ โรงแรมแกรนด์โฟร์วิงส์คอนเวนชั่น
กรุงเทพฯ โดย
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำรงตำแหน่งเป็นประธานในพิธี โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมวิพากษ์ร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2รวม 4ท่านคือ นายวิจิตร ณ ระนองประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายเจริญ วังอนานนท์นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และมีผู้เข้าร่วมจำนวนกว่า 400 คน ประกอบด้วย ผู้แทนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ผู้แทนส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ผู้แทนสมาคมธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ผู้แทนสถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปผู้สนใจ โดยมีสาระสำคัญ กล่าวคือ
นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ดำรงตำแหน่งเป็นประธานในพิธี โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิร่วมวิพากษ์ร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2รวม 4ท่านคือ นายวิจิตร ณ ระนองประธานอาวุโสสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายเจริญ วังอนานนท์นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA)นายอิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมถึงปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และมีผู้เข้าร่วมจำนวนกว่า 400 คน ประกอบด้วย ผู้แทนสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ผู้แทนส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ผู้แทนสมาคมธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ผู้แทนสถาบันการศึกษา ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไปผู้สนใจ โดยมีสาระสำคัญ กล่าวคือ
การพิจารณาจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ฉบับที่ 2 (พ.ศ.2560–2564)
เป็นการดำเนินการในช่วงเวลาสำคัญของประเทศคือ
ช่วงเวลาแห่งการปฏิรูปประเทศไทยให้ก้าวไปสู่การที่ประชาชนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมและประสานประโยชน์เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขบนวิสัยทัศน์
“มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน”
ในการจัดทำแผนฯนั้นมีการเน้นกระบวนการทำงานที่เป็น
consensus
building ที่ผ่านการรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน ตั้งแต่สภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.)จนถึงขั้นตอนการทำงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
จึงน่าจะถือได้ว่าเป็น “แผนชาติ” อย่างแท้จริงซึ่งจะนำมาซึ่งการบูรณาการ
การทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงทบวงกรม และท้องถิ่น
การทำงานของทุกภาคส่วน ทั้งกระทรวงทบวงกรม และท้องถิ่น
ทั้งนี้ สรุปการประเมินผลการดำเนินการในภาพรวมของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ฉบับที่ 1
(พ.ศ.2555-2559) ปรากฏว่าการดำเนินงานประสบความสำเร็จตามเป้าหมายดัชนีชี้วัดที่ตั้งไว้ทั้ง 3 ประการ ได้แก่
1) การพัฒนาขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยวอย่างน้อย 5 อันดับหรือเป็นหนึ่งใน 7 อันดับสูงสุดของเอเชีย 2) การเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวอย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี และ3) การพัฒนา 8 กลุ่มจังหวัดท่องเที่ยว(tourism cluster) อย่างไรก็ตามพบว่ามีปัญหาที่ควรเร่งแก้ไขในด้านการพัฒนาปัจจัยอุปทาน และการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
(พ.ศ.2555-2559) ปรากฏว่าการดำเนินงานประสบความสำเร็จตามเป้าหมายดัชนีชี้วัดที่ตั้งไว้ทั้ง 3 ประการ ได้แก่
1) การพัฒนาขีดความสามารถด้านการท่องเที่ยวอย่างน้อย 5 อันดับหรือเป็นหนึ่งใน 7 อันดับสูงสุดของเอเชีย 2) การเพิ่มรายได้จากนักท่องเที่ยวอย่างน้อยร้อยละ 5 ต่อปี และ3) การพัฒนา 8 กลุ่มจังหวัดท่องเที่ยว(tourism cluster) อย่างไรก็ตามพบว่ามีปัญหาที่ควรเร่งแก้ไขในด้านการพัฒนาปัจจัยอุปทาน และการบูรณาการการทำงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
การกำหนดกรอบแนวคิดและปัจจัยแห่งความสำเร็จของแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ฉบับที่ 2 เพื่อให้ตอบสนองเจตนารมณ์ตามยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศของรัฐบาล(ยุทธศาสตร์ชาติ
20 ปี(พ.ศ.2560– 2579))แผนของสภาปฏิรูปแห่งชาติ(วาระพัฒนาที่ 1การพัฒนาการท่องเที่ยว)ยุทธศาสตร์ประชารัฐด้านการส่งเสริมการท่องเที่ยวและ
MICEแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560–2564) ยุทธศาสตร์แผนการตลาดท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
และแผนของหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมถึงสรุปผลการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน
สามารถสรุปในภาพรวมได้ว่าแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับที่ 2 มุ่งเน้น 1) การส่งเสริมความมั่นคง มั่งคั่ง
ยั่งยืนของประเทศ 2) การเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำ3) การนำรายได้และความเข้มแข็งสู่เศรษฐกิจ
ฐานราก4) การต่อยอดพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและนำเสนอสินค้า บริการด้านการท่องเที่ยวที่ผูกโยงกับวิถีไทยและ
5) การบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างบูรณาการและเป็นระบบ ด้วยการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพบนพื้นฐานความสมดุลในการท่องเที่ยวทั้งในเชิงวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม โดยมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ชุมชน และภาคประชาชนตั้งแต่ระดับท้องถิ่น
ฐานราก4) การต่อยอดพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวและนำเสนอสินค้า บริการด้านการท่องเที่ยวที่ผูกโยงกับวิถีไทยและ
5) การบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างบูรณาการและเป็นระบบ ด้วยการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพบนพื้นฐานความสมดุลในการท่องเที่ยวทั้งในเชิงวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม โดยมีการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ชุมชน และภาคประชาชนตั้งแต่ระดับท้องถิ่น
โดยมีวิสัยทัศน์การท่องเที่ยวไทยพ.ศ.2579คือ “ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นนำของโลก
ที่เติบโตอย่างมีดุลยภาพบนพื้นฐานความเป็นไทย เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม
และกระจายรายได้สู่ประชาชนทุกภาคส่วนอย่างยั่งยืน" โดยมุ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมการเป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพ
การพัฒนาขีดความสามารถในการเเข่งขันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเเข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น
เพื่อรักษาอันดับของประเทศไทยให้ยังคงเป็นเเหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของโลก
การส่งเสริมความยั่งยืนทั้งในเชิงวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อมการเติบโตอย่างมีดุลยภาพทั้งในเชิงพื้นที่
เวลา และกลุ่มนักท่องเที่ยวบนพื้นฐานวิถีไทย และการสร้างเสริมประสบการณ์ท้องถิ่น
เพื่อการกระจายรายได้เเละผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวสู่ทุกพื้นที่เเละภาคส่วนอันจะนำไปสู่ความยั่งยืนของเศรษฐกิจและสังคมของชาติ
โดยจัดทำเป็น 6 ยุทธศาสตร์ กล่าวคือ
ยุทธศาสตร์ที่
๑
การพัฒนาคุณภาพแหล่งท่องเที่ยว และสินค้า บริการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการส่งเสริมความยั่งยืนของแหล่งท่องเที่ยว
สิ่งแวดล้อม และอัตลักษณ์วิถีไทย
ยุทธศาสตร์ที่
๒การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
และสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อการท่องเที่ยวโดยไม่ก่อให้เกิดผลกระทบเชิงลบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อม
ยุทธศาสตร์ที่
๓
การพัฒนาขีดความสามารถของทรัพยากรมนุษย์ด้านการท่องเที่ยวและสร้างจิตสำนึกด้านการท่องเที่ยวสำหรับประชาชน
ยุทธศาสตร์ที่
๔
การสร้างสมดุลในนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างๆผ่านการตลาดเฉพาะกลุ่ม
การส่งเสริมวิถีไทยและการสร้างความมั่นใจของนักท่องเที่ยว
ยุทธศาสตร์ที่
๕
การส่งเสริม การมีส่วนร่วม และบูรณาการของภาครัฐ เอกชน และชุมชน
ในการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยว รวมถึงการร่วมมือระหว่างประเทศ
ด้วยการขับเคลื่อนแผนฯ ไปสู่การปฏิบัติให้มีประสิทธิภาพและมีความสอดคล้องกัน3ระดับคือ ระดับนโยบาย มีคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ พิจารณากำหนดนโยบายหรือให้ความเห็นกำกับดูแลนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาการท่องเที่ยวระดับการขับเคลื่อนแผนโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นเจ้าภาพหลักรับผิดชอบในการรับการผลักดันแผนในแต่ละยุทธศาสตร์ไปสู่ระดับการปฏิบัติการ และระดับปฏิบัติการโดยส่วนราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเป็นผู้รับนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้สอดประสานงานและเชื่อมโยงการดำเนินงานให้มุ่งสู่การขับเคลื่อนแผนในแต่ละยุทธศาสตร์
ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างแสดงความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ในการวิพากษ์ร่างแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ฉบับที่ 2 อย่างกว้างขวาง ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและบริษัทที่ปรึกษา
จะได้รวบรวมและนำข้อมูลที่เป็นประโยชน์ไปใช้ในการพิจารณาจัดทำแผนพัฒนาการท่องเที่ยวแห่งชาติ
ฉบับที่ 2
ให้เกิดความสมบูรณ์ต่อไป
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
/////////////////////////////////////////////////////////////
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์.....ถ่ายทอด.....
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร.....
ดังมีรายนามผู้บริหารดังนี้…. บ.ก.เกรียงไกร
พรเทพ.....
(พี่เทพ)
(บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ).....
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม...
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม...
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง.....
(อดีตคนเดลิมิเร่อร์)
สุพรรณษา แซ่อั๊ง(นามปากกา"ผักบุ้ง).....
สุพัฒน์กฤต(ป้อม)
เจ้าของสื่อหลายฉบับ ที่ปรึกษา บ.ก......
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์).....
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”).....
ปฐมภพ(นามปากกา “คนสายกลาง”)....ผู้ช่วยบ.ก….
สมชัย(นามปากกา"พฤกษ์ภิรมย์').....ที่ปรึกษาบ.ก......
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ.....ที่ปรึกษา......
ชมรมนักข่าวช่วยสังคม......(ที่ปรึกษา).....
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056).....
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น.....
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้ง(หลักสิบสื่อ).....
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวร่วมหลายแสนคน.....
dpm2554@gmail.com(เรามีพันธมิตรสื่อจำนวนมาก).....
คอลัมนิสต์นามปากกา“คนพิเศษ”(ผู้ตรวจข่าวคนที่1.).....
รองฯ กรรณชัย (นามปากกา”ผู้กองแอ๊ด”).....
รอง
บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ.....(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย).....
……………………………………………………………….
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น