กฎหมายทวงหนี้ฉบับใหม่ดัดหลังนักทวงหนี้ (ดีโพลมา2261)
24 กรกฎาคม 2557 - 22:44:00
กฎหมายทวงหนี้ฉบับใหม่ดัดหลังนักทวงหนี้ (ดีโพลมา2261)
เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา มีข่าวใหญ่เกี่ยวกับคสช. ได้คืนความสุขให้กับคนไทยอีกเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับกฎหมายทวงหนี้ คนที่ได้รับความสุขคือลูกหนี้ที่เบี้ยวหนี้โดยจงใจเบี้ยวหนี้ เพราะไม่มีจริงๆ เนื่องจากไม่มีความสามารถในการชำระหนี้หรือสืบเนื่องมาจากปัญหาเศรษฐกิจ หรือความพิการ หรือปัญหาภายในครอบครัว ลูกหนี้เหล่านี้จะได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้เป็นอย่างมาก จะไม่ต้องปวดหัว ตัวร้อน หวาดผวาไปกับการถูกทวงหนี้ที่นับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่วนเจ้าหนี้ได้รับผลกระทบไปเต็มๆ โดยเฉพาะเจ้าหนี้ในระบบ ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร หรือนันแบงก์ เช่น อิออน อีซี่บาย ก็ต้องหนาวๆ ร้อนๆ เพราะกฎหมายฉบับนี้มีทั้งโทษปรับ จำคุก พัก เพิกถอนใบอนุญาต ในวันนี้ผมในฐานะเป็นวิทยากรฝึกอบรมนักทวงหนี้ให้กับสถาบันการเงิน ขอนำเสนอสาระสำคัญที่พี่น้องประชาชนอาจได้รับรู้รับทราบเกี่ยวกับกฎหมายทวงหนี้ฉบับใหม่ เป็นรายประเด็นดังนี้
ประเด็นแรก กฎหมายฉบับนี้ให้ความคุ้มครองหนี้ในระบบและนอกระบบ ดังนั้น ถ้ากฎหมายฉบับนี้ออกมาใช้บังคับ จะทำให้ลูกหนี้ได้รับความคุ้มครอง ไม่ถูกข่มเหง รังแก หรือทวงหนี้ด้วยวิธีการรุนแรง
ประเด็นที่สอง บริษัทที่รับจ้างทวงหนี้ต้องเป็นนิติบุคคล หมายถึง จดทะเบียนเป็นห้างหรือบริษัทจำกัด กรรมการผู้ถือหุ้น ผู้จัดการจะต้องมีประวัติดี ไม่ใช่มีประวัติฆ่าคนตาย ทำร้ายร่างกาย ลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง หรือมีปัญหาเกี่ยวกับหนี้สินค้างชำระ ก็จะไม่สามารถจะไปขออนุญาตรับจ้างทวงหนี้ได้ เพราะกฎหมายฉบับนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณาเกี่ยวกับการให้ใบอนุญาต บริษัทรับจ้างทวงหนี้ พูดง่ายๆ จะต้องคัดเลือกบริษัทที่ดี ไม่เคยมีพฤติกรรมในทางข่มขู่ลูกหนี้ บริษัทเหล่านี้ ถ้าทำผิดก็อาจถูกพัก เพิกถอนใบอนุญาตได้ ใครที่มีความประสงค์จะรับจ้างทวงหนี้ ถ้าไม่มีใบอนุญาตก็อาจมีโทษหรือจำคุก ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่จะได้ควบคุมนักทวงหนี้ให้มีการทวงหนี้ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน และเป็นธรรมกับผู้บริโภค
ประเด็นที่สาม การทวงหนี้กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ลูกหนี้ จะมีความผิดทางอาญา เช่น อาจมีโทษจำคุกหรือปรับ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ซึ่งเจ้าหนี้ไม่มีบุคคลสิทธิกับบุคคลที่สาม จึงไม่อาจจะไปรบกวนเขาได้ และถ้าต้องการติดต่อกับบุคคลที่สาม นักทวงหนี้ทำได้เพียงสอบถามว่าลูกหนี้อยู่หรือไม่ อย่างอื่นทำไม่ได้
ประเด็นที่สี่ การประจานลูกหนี้ เช่น การทวงหนี้ทางโทรสาร ไปรษณียบัตร จดหมายเปิดผนึก แผ่นปลิวติดประกาศอันมีลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจได้โดยง่าย วิธีการทวงหนี้ดังกล่าวต้องการประจานลูกหนี้ ให้อับอายขายหน้าจะทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้ากฎหมายฉบับนี้ออกมาบุคคลที่กระทำความผิด อาจมีโทษจำคุกหรือปรับ
ประเด็นที่ห้า ความถี่ในการทวงหนี้ ปัจจุบันมีนักทวงหนี้บางคนโทรทวงหนี้วันละหลายครั้ง อันเป็นการสร้างความเดือดร้อนเกินควร จะทำไม่ได้แล้ว ถือว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนเกินควร ถือว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้อย่างมาก โทรทวงได้เพียงวันละ 1 ครั้ง ถ้าต้องการโทรมากกว่านั้น ต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับความยินยอมจากลูกหนี้ มิฉะนั้น จะเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายฉบับนี้
ประเด็นที่หก การข่มขู่คุกคาม กฎหมายฉบับนี้ห้ามโดยเด็ดขาด มีโทษทั้งจำคุกและปรับ ในทางปฏิบัติจะมีการข่มขู่หลายอย่าง เช่น แสดงตนเป็นตำรวจ ทหาร เจ้าหน้าที่ศาล ทนายความ เป็นบุคคลอื่น ต่อไปจะทำไม่ได้แล้ว เพราะจะมีบทลงโทษที่รุนแรง
ตัวอย่างของร่างกฎหมายที่คาดว่าจะออกมาบังคับใช้
การแจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จ หรือการแจ้งเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจผิด
ห้ามมิให้ผู้ติดตามหนี้ ใช้วาจา ข้อมูลหรือข้อความที่เป็นเท็จ หรืออาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดที่เกี่ยวข้องกับการติดตามทวงถามหนี้
การกระทำต่อไปนี้ให้ถือเป็นความผิดตามมาตรานี้
การแสดง หรือการใช้เครื่องหมายหรือเครื่องแบบ สัญลักษณ์ หรือข้อความใดๆ ที่มีนัย หรืออาจทำให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็นการกระทำของรัฐ หรือหน่วยงานของรัฐ โดยไม่เป็นความจริง
การเจตนาแสดงข้อมูลจำนวนหนี้ที่ไม่ถูกต้อง
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าการติดต่อทวงหนี้มาจากทนายความ ทั้งที่ไม่ใช่
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าหากไม่ชำระหนี้จะถูกดำเนินคดี ถูกยึดหรืออายัดทรัพย์ หรือเงินเดือน เว้นเสียแต่เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายและสถาบันการเงิน หรือผู้ติดตามหนี้มีความประสงค์ที่จะดำเนินการดังกล่าวจริง
การข่มขู่ว่าจะดำเนินการ ทั้งที่ไม่มีอำนาจจะกระทำได้ตามกฎหมายหรือไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินการดังกล่าว
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าหากไม่ชำระหนี้จะเป็นความผิดทางอาญา
การแสดงหรือมีข้อความที่ทำให้เชื่อว่าเป็นคำสั่งจากศาลหรือหน่วยงานของรัฐในการสั่งให้ชำระหนี้
การติดต่อ หรือข่มขู่ว่าจะรายงานประวัติการชำระที่เป็นผลเสียให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิต หรือไม่ดำเนินการตรวจสอบและแก้ไขข้อโต้แย้งให้ถูกต้อง
การติดต่อ หรือการแสดงตนที่ทำให้บุคคลอื่นเข้าใจผิด เพื่อให้ได้ข้อมูลอื่นที่เกี่ยวกับผู้บริโภคเพื่อวัตถุประสงค์ในการติดตามหนี้
การใช้ชื่อของบุคคลอื่น แทนชื่อของผู้ติดตามหนี้ในการดำเนินการติดตามทวงถามหนี้
การติดต่อหรือการแสดงตนให้ผู้บริโภคเชื่อว่าผู้ติดตามหนี้ ดำเนินการให้แก่บริษัทข้อมูลเครดิตหรือรับจ้างจากบริษัทข้อมูลเครดิต
บทกำหนดโทษที่คาดว่าจะบังคับใช้กับนักทวงหนี้
ผู้ติดตามหนี้ใดไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท และปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่หรือจนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง เว้นเสียแต่พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้มีเจตนากระทำผิดดังกล่าว และเป็นผลมาจากความผิดพลาด และได้มีการปรับปรุงแก้ไขไม่ให้มีความผิดพลาดดังกล่าวเกิดขึ้นอีก
สุดท้ายนี้หวังว่าเจ้าหนี้และลูกหนี้จะถ้อยทีถ้อยอาศัยในการเจรจาหนี้นะครับ ใครอยากฟังเทคนิคการทวงหนี้ พบกับผมและคุณประชา ชัยสุวรรณ ในงาน Post Today Expo 2014 ในวันที่ 1 สิงหาคม 2557 เวลา 13.00-15.00 น. ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นะครับ
ขอขอบคุณที่มาของข่าว/ภาพจากผู้ที่มีชื่ออยู่ด้านล่างนี้ทุกๆท่าน
http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=10935
ถ่ายทอดโดย.....
ทีมงาน น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา2261) มีรายนามดังนี้....
บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ ( บรรณาธิการ )
ผช.กรรณชัย(นามปากกา “ผู้กองแอ๊ด”) ผู้ช่วยบ.ก.ดูแลข่าวตำรวจ
และ รักษาการ หัวหน้าข่าวการเมือง
อภินันทร์(นามปากกา “อัจฉริยะ”)ปฐมภพ(นามว่า "คนสายกลาง")
จตุพล (นามปากกา “อัพเดท”) สุจิตรา (นามปากกา “หญิงเหล็ก”)
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ (ฝ่ายกฎหมาย)
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรีโทร.095 – 9970577)
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่งดังมีรายนามต่อไปนี้
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ และ dpmnews - dmnnews - diplomanews
และข่าวชมรมนักข่าว2000, และ ข่าวศูนย์วิทยุ (ทาง)ช้างเผือก และ
ข่าวชมรมนักข่าวช่วยสังคม..อีเมล์...diplomanews@gmail.com
ติดตามผลงาน“ชมรมนั่งสมาธิปกป้องสถาบันได้ใน FACEBOOK
เรามีแว๊บไซ้ท์ในเครือนับสิบๆแว๊บไซ้ท์และพันธมิตรสื่อฯอีกนับร้อย
เรายังมีคอลัมน์ในสื่อดังๆต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก โดยพิมพ์หาคำว่า
“น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์” หรือคำว่า “diplomanews”ในสื่อนั้นๆ
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น