วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

หักเงินในบัญชีโดยพลการ(ดีโพลมา2301)

หักเงินในบัญชีโดยพลการ(ดีโพลมา2301) 

6 สิงหาคม 2557 - 1:22:00

หักเงินในบัญชีโดยพลการ(ดีโพลมา2301) 

           ทนายคลายทุกข์ขอนำคำฟ้องที่สมาชิกทนายคลายทุกข์ ฟ้องธนาคารกรุงเทพ เรื่องละเมิด,ผิดสัญญา  กรณีที่สมาชิกเป็นหนี้บัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ  ต่อมามีเงินเข้าบัญชีธนาคารหักเงินจากบัญชีเงินฝากของลูกหนี้  จำนวน  109,800  บาท  โดยพลการ  จึงเข้ามาติดต่อทนายคลายทุกข์เพื่อให้ฟ้องเป็นคดีผู้บริโภค  เรียกค่าเสียหายธนาคารกรุงเทพ  ทนายคลายทุกข์  จึงขอนำคำฟ้องคดีผู้บริโภค  มาให้ท่านที่มีปัญหาเรื่องธนาคารหักเงินในบัญชีเป็นแนวทางในการฟ้องคดีต่อไป  ส่วนผลคดีจะเป็นอย่างไรให้ติดตามต่อไป
คำฟ้องคดีผู้บริโภค
                                                                                                     คดีหมายเลขดำที่ ...../2552
                                                                                             ศาล จังหวัดตลิ่งชัน
                                                                                ความแพ่ง
นาย ม                                             โจทก์
ธนาคาร  กรุงเทพ  จำกัด (มหาชน) จำเลย   
เรื่อง  ละเมิด,ผิดสัญญา
      
           จำเลยจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัดมหาชนใช้ชื่อว่า "บริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)" มีกรรมการ 18 คน  มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการธนาคารพาณิชย์ รายละเอียดปรากฏตามสำเนาหนังสือรับรองการจดทะเบียน เอกสารท้ายฟ้องโจทก์หมายเลข 1  
           โจทก์เป็นลูกค้าของจำเลยประเภทบัตรเครดิตเมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2547 โดยสมัครเป็นสมาชิกบัตรเครดิต VISA CARD และ MASTER CARD หมายเลขบัตร VISA CARD เลขที่ 4546-2390-8354-3122 MASTER CARD เลขที่ 5444-8290-0819-5112 ตั้งแต่วันที่ 11 ตุลาคม  พ.ศ. 2547 เป็นต้นมาจนถึงปลายปี พ.ศ. 2551  หลังจากเป็นสมาชิกบัตรเครดิตของจำเลยทั้งสองบัตรข้างต้นแล้ว โจทก์ผิดนัดผิดสัญญาไม่สามารถหาเงินมาชำระหนี้หลังจากใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตแล้ว มียอดหนี้ค้างชำระตามใบแจ้งหนี้ของจำเลยรวมทั้งสิ้น  115,150.83 บาท (หนึ่งแสนหนึ่งหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยห้าสิบบาทแปดสิบสามสตางค์) รายละเอียดปรากฏตามใบแจ้งหนี้ของจำเลยฉบับลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2552 เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 2  หลังจากที่โจทก์ได้รับใบแจ้งหนี้ฉบับลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2552 แล้ว ได้มีตัวแทนจัดเก็บหนี้ของจำเลยคือเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกฎหมาย ซี เอ แอล ได้โทรศัพท์ติดตามหนี้ทางโทรศัพท์มายังจำเลยเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2552 โดยโจทก์ได้ตกลงเงื่อนไขการผ่อนชำระกับนายธีรวัฒน์ จันทร์ที ตัวแทนของจำเลยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโจทก์จะชำระเงินบางส่วนให้กับจำเลยในวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 จำนวน 6,000 บาท และงวดที่ 2 จะชำระภายในวันที่ 15 มิถุนายน 2552  ส่วนหนี้ที่เหลืออีกจำนวน 97,878.20 บาท ตัวแทนของจำเลยจะทำรายงานเสนอจำเลยเพื่อให้ผ่อนชำระเป็นรายเดือนต่อไป และจะแจ้งให้โจทก์ทราบในภายหลัง หลังจากนั้นนายธีรวัฒน์  จันทร์ที ตัวแทนจัดเก็บหนี้ของจำเลยได้โทรศัพท์กลับมายังโจทก์ว่าจำเลยเห็นชอบตามข้อตกลงดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 
           ข้อ 2.  ต่อมาเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2552 จำเลยได้กระทำละเมิดและผิดข้อตกลงกับโจทก์ กล่าวคือ จำเลยได้หักเงินซึ่งมีบุคคลภายนอกโอนหรือฝากนำเข้าบัญชีของโจทก์ ซึ่งฝากไว้กับธนาคารจำเลย สาขา หนองแขม บัญชีเลขที่ 236-0-04718-3 ไปเป็นจำนวนเงิน 109,800 บาท โดยโจทก์ไม่ได้ให้ความยินยอม การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการทุจริตต่อความไว้วางใจที่โจทก์มีต่อจำเลย และเป็นการผิดข้อตกลงที่โจทก์และตัวแทนจัดเก็บหนี้ของจำเลยเคยตกลงกันไว้ และเป็นการผิดสัญญาการฝากทรัพย์ที่โจทก์และจำเลยฝากเงินไว้กับจำเลย จำเลยหักเงินออกจากบัญชีของโจทก์โดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย และถึงแม้จะมีข้อตกลงอันเป็นลักษณะทั่วไประบุไว้ในเอกสารของจำเลย แต่ก็มิได้เป็นความประสงค์ของโจทก์ที่จะยอมให้จำเลยหักเงินจากบัญชีของโจทก์ ข้อสัญญาต่าง ๆ ที่จำเลยอ้างว่าโจทก์ได้ตกลงยินยอมให้จำเลยหักเงินจากบัญชีใด  ๆ ของโจทก์ได้ เป็นข้อสัญญาที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการเพิ่มภาระหรือเอาเปรียบโจทก์เกินควร ประกอบกับจำเลยไม่เคยได้รับแจ้งจากโจทก์ล่วงหน้าว่าหากมีการผิดนัดชำระหนี้ จำเลยจะใช้วิธีการหักเงินจากบัญชีต่าง ๆ ที่โจทก์เป็นเจ้าของบัญชีและฝากเงินไว้กับจำเลย โดยไม่ผ่านกระบวนการทางศาล หากโจทก์ทราบว่าจำเลยจะใช้วิธีการบังคับชำระหนี้ด้วยตนเองโดยไม่ผ่านวิธีการฟ้องต่อศาลเป็นคดีผู้บริโภค โจทก์คงไม่ใช้บริการบัตรเครดิตของจำเลย การบังคับชำระหนี้ของจำเลยในคดีนี้ได้กระทำกับผู้บริโภครายอื่นหลายราย  ซึ่งผู้บริโภครายอื่นได้มีการร้องเรียนไปยังสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเพื่อให้เป็นคนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยหลายคดี ปรากฏตามสื่อสารมวลชนทั้งทางหนังสือพิมพ์ และทางอินเตอร์เน็ต ได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก ซึ่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อร่างประกาศและออกกฎหมายห้ามมิให้สถาบันการเงินรวมทั้งจำเลยในคดีนี้เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคโดยการหักจากบัญชีเงินฝากของลูกค้าที่ผิดนัดชำระหนี้บัตรเครดิตและบัตรเงินด่วน  รายละเอียดของการออกกฎหมายโจทก์จะนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดีต่อไป  และนอกจากนี้การบังคับชำระหนี้ของจำเลยเป็นการบังคับชำระหนี้เอากับจำนวนเงินทั้งหมดของลูกหนี้ที่จำเลยตรวจพบว่าลูกหนี้รายใดฝากเงินไว้กับจำเลย สร้างความเดือดร้อนให้กับโจทก์ในฐานะลูกหนี้และผู้บริโภครายอื่น ๆ ไม่มีเงินสดหมุนเวียนในการดำเนินชีวิตและทำธุรกิจ  การบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาของศาลเกี่ยวกับเงินเดือนยังบังคับชำระหนี้เพียงร้อยละ 30 ของเงินเดือนเท่านั้น  หลังจากจำเลยได้หักเงินจากบัญชีของโจทก์แล้วจำเลยได้มีหนังสือแจ้งการหักกลบลบหนี้มายังโจทก์เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2552  รายละเอียดปรากฏตามหนังสือของจำเลย เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 3  และต่อมาเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2552 จำเลยได้แจ้งยอดหนี้มายังโจทก์ว่ายังมียอดค้างชำระหนี้กับจำเลยอีก 5,350.83 บาท รายละเอียดปรากฏตามหนังสือแจ้งภาระหนี้บัตรเครดิตของจำเลย เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 4 
           ข้อ 3. ต่อมาเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2552 โจทก์ได้มีหนังสือไปถึงจำเลยเพื่อให้คืนเงินจำนวนดังกล่าว รายละเอียดปรากฏตามหนังสือขอให้คืนเงินของโจทก์ เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 5   หลังจากนั้นจำเลยได้มีหนังสือตอบกลับมายังโจทก์เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2552 ว่าจะพิจารณาคำร้องของโจทก์โดยเร็วและจะแจ้งให้โจทก์ทราบในภายหลัง รายละเอียดปรากฏตามหนังสือของจำเลยเรื่องขอให้คืนเงิน เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 6  หลังจากนั้นเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2552 โจทก์ได้มีหนังสือขอให้จำเลยคืนเงินเป็นครั้งที่ 2  รายละเอียดปรากฏตามหนังสือของโจทก์เอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 7   ต่อมาเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2552 จำเลยได้ยินยอมคืนเงินให้กับโจทก์ จำนวน 40,000 บาท โดยนำเงินนำฝากเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารของจำเลย รายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 8  หลังจากนั้นโจทก์ได้พยายามติดตามทวงถามจำเลยให้คืนเงินส่วนที่เหลือจำเลยได้รับหนังสือจากโจทก์แล้วแต่เพิกเฉย การกระทำดังกล่าวของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิโจทก์อย่างร้ายแรง และเป็นการเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคเช่นโจทก์และผู้บริโภครายอื่นอย่างมาก ทั้งที่จำเลยเป็นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชน  แต่พฤติการณ์ของจำเลยเป็นการเอาเปรียบผู้ฝากเงิน  จำเลยมีหน้าที่ต้องคืนเงินให้กับโจทก์แต่ไม่ยอมคืนเงิน  โจทก์ได้พยายามติดตามทวงถามเพื่อขอถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ แต่ถูกจำเลยปฏิเสธมาโดยตลอด ผลจากการกระทำของจำเลยทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรงในการดำรงชีวิตและในการทำธุรกิจโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้คือ 
           1. สูญเสียเงินจากการถูกหักบัญชี จำนวน 69,800 บาท 
           2. ความเสียหายต่อชื่อเสียงเกียรติยศของตนเองและชื่อเสียงทางการค้าของโจทก์และสูญเสียโอกาสในการทำธุรกิจทั้งในปัจจุบันและในอนาคต   เนื่องจากต้องกู้เงินจากบุคคลภายนอกมาใช้ในการดำเนินชีวิตและทำธุรกิจ  กล่าวคือโจทก์มีอาชีพเป็นวิศวกรและเป็นเจ้าของกิจการรับเหมาก่อสร้างให้กับบุคคลภายนอก เมื่อถูกจำเลยหักเงินจากบัญชีของโจทก์ไปโดยไม่ทราบล่วงหน้าทำให้ขาดเงินทุนหมุนเวียนไม่มีเงินชำระหนี้ค่าแรงงาน , ค่าวัสดุก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินชีวิต ผ่อนบ้านกับสถาบันการเงินอื่น  จำนวนหลายรายการ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 600,000  บาท รายละเอียดเกี่ยวกับความเสียหายโจทก์จะนำเสนอต่อศาลในชั้นพิจารณาคดีต่อไป 
          3. สูญเสียสุขภาพทางจิต เนื่องจากเกิดความเครียด วิตกกังวล คิดมาก นอนไม่หลับ จึงต้องไปปรึกษาจิตแพทย์ รายละเอียดปรากฏตามเอกสารท้ายคำฟ้องโจทก์หมายเลข 9 ทำให้สุขภาพเสื่อม ซึ่งโจทก์ขอคิดค่าเสียหายในส่วนนี้จำนวน 50,000 บาท 
           รวมเงินค่าเสียหายอันเกิดจากการกระทำของจำเลยทั้งสิ้น  719,800 บาท (เจ็ดแสนหนึ่งหมื่นเก้าพันแปดร้อยบาทถ้วน)  นอกจากนี้จำเลยยังต้องรับผิดในดอกเบี้ยอันเป็นผลจากการกระทำละเมิดและผิดข้อตกลงตามฟ้องในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่จำเลยได้ทำการหักบัญชีของโจทก์ แต่โจทก์ขอคิดเพียงนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จสิ้น โจทก์ไม่มีทางอื่นใดที่จะบังคับเอากับจำเลยได้ นอกจากขอบารมีศาลเป็นที่พึ่ง  และโจทก์ต้องการให้ศาลพิพากษาคดีประเภทนี้เพื่อเป็นบรรทัดฐานสำหรับสถาบันการเงินอื่น ๆ ต่อไป 
                                                                                          ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด
 
ขอขอบคุณที่มาของข่าว/ภาพจากผู้ที่มีชื่ออยู่ด้านล่างนี้ทุกๆท่าน
http://www.decha.com/main/showTopic.php?id=4515 
ถ่ายทอดโดย.....                                
ทีมงาน น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา2301) มีรายนามดังนี้....   
บ.ก.เกรียงไกร   พรเทพ ( บรรณาธิการ )
ผช.กรรณชัย(นามปากกา “ผู้กองแอ๊ด”) ผู้ช่วยบ.ก.ดูแลข่าวตำรวจ 
และ รักษาการ หัวหน้าข่าวการเมือง
อภินันทร์(นามปากกา “อัจฉริยะ”)ปฐมภพ(นามว่า "คนสายกลาง")      
จตุพล (นามปากกา “อัพเดท”) สุจิตรา  (นามปากกา “หญิงเหล็ก”) 
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ (ฝ่ายกฎหมาย)
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรีโทร.095 – 9970577)
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้งหนึ่งดังมีรายนามต่อไปนี้
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์  และ dpmnews - dmnnews - diplomanews
และข่าวชมรมนักข่าว2000, และ ข่าวศูนย์วิทยุ (ทาง)ช้างเผือก และ
ข่าวชมรมนักข่าวช่วยสังคม..อีเมล์...diplomanews@gmail.com
ติดตามผลงาน“ชมรมนั่งสมาธิปกป้องสถาบันได้ใน FACEBOOK
เรามีแว๊บไซ้ท์ในเครือนับสิบๆแว๊บไซ้ท์และพันธมิตรสื่อฯอีกนับร้อย
เรายังมีคอลัมน์ในสื่อดังๆต่างๆอีกเป็นจำนวนมาก โดยพิมพ์หาคำว่า
“น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์” หรือคำว่า  “diplomanews”ในสื่อนั้นๆ
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวของเราร่วมหลายแสนคน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น