วันอาทิตย์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ข่าวตำรวจ ประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2559(น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์...ถ่ายทอด).......

ข่าวตำรวจ ประจำวันที่ 26 มิถุนายน 2559

นักโทษสุดแสบถอดโซ่ตรวนหลบหนี เผยเทคนิคแบบไม่ต้องมีอาคม

นักโทษสุดแสบถอดโซ่ตรวนหลบหนี เผยเทคนิคแบบไม่ต้องมีอาคม

นักโทษใช้เทคนิคพิเศษถอดโซ่ตรวนหลบหนีขณะขึ้นศาล มีผู้หญิงขี่จยย.มารอรับ ไปกบดานข้างกองร้อยตชด. ตำรวจตามรวบได้ยกแก๊ง
(25 มิ.ย.) เมื่อเวลา 09.00 น. นช.ธวัชชัย แหวนทอง อายุ 27 ปี นักโทษชายคดีร่วมกันครอบครองยาบ้าเพื่อจำหน่าย 1,959 เม็ด ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 14 ม.ค.59 ขณะที่ นช.ธวัชชัย ขี่รถจักรยนต์พา น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 17 ปีแฟนสาวหนีออกจากงานคอนเสิร์ต ไปรับยาบ้าจากชายชาวลาวเพื่อนำไปส่งลูกค้าชาวไทย แต่ถูกตำรวจ ตชด.ร่วมกับทหารพรานสะกดรอยติดตามจับกุมได้ นช.ธวัชชัยรับสารภาพ ส่วน น.ส.บี แฟนสาวให้การปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นกับแฟนหนุ่ม พร้อมกับติดตามจับกุมผู้ให้การสนับสนุนในการพาหลบหนีก่อนขึ้นรถกลับเรือนจำบึงกาฬ
โดยเหตุการณ์นี้ได้เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ ขณะเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นช.ธวัชชัย มาเบิกความเป็นพยานศาลคดีเด็กและเยาวชนให้กับ น.ส.บี(นามสมมติ) อายุ 17 ปีแฟนสาวในคดีร่วมกันครอบครองยาบ้า 1,959 เม็ด จนถึงช่วงเวลาเย็น ร.ต.ท.สุพิน ศรีคำภา ตำรวจประจำศาลกับพวกได้ควบคุมตัว นช.ธวัชชัยออกจากห้องขังใต้ถุนศาลจะมาขึ้นรถกลับเรือนจำจังหวัดบึงกาฬ
ระหว่างนั้นนช.ธวัชชัย ได้ทำการรูดโซ่ตรวจออกจากข้อเท้าด้านซ้ายและถือเอาโซ่ตรวจวิ่งไปขึ้นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้ารุ่นคลิกสีดำ-ขาว ทะเบียน ษทร 741 กรุงเทพมหานคร ที่มีผู้หญิงสวมเสื้อคลุมและหมวกกันน็อคขี่มารับถึงในบริเวณศาล แล้วขับพาหนีเจ้าหน้าที่จึงออกติดตามไล่ล่าไปอย่างกระชั้นชิด พบเพียงรถจักรยานยนต์จอดทิ้งไว้ในป่าละเมาะข้างหนองโง้งห่างออกไปประมาณ 5 กิโลเมตร จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาหลังจากมีการประชุมวางแผนจับกุม พ.ต.ท.จรูญศักดิ์ ลำพุทธา รอง ผกก.สส.สภ.เมืองบึงกาฬ พ.ต.ท.นพดล ผลพัฒนา รอง ผกก.สส.ภ.จว.บึงกาฬและ ร.ต.อ.รามสูรย์ บุญข่าย รอง ผบ.ตชด.244 พร้อมพวก เข้าจับกุมนางสาวโสภิญ อายุ 18 ปี แฟนเพื่อนของนช.ธวัชชัย ที่เช่าอยู่หอพัก ในต.วิศฺิษฐ์ อ.เมืองบึงกาฬ ได้พร้อมของกลาง มีเสื้อลายดอกไม้สีฟ้าขาวที่ใส่ไปรับนช.ธวัชชัย และหมวกกันน็อคแบบเต็มใบสีดำ
จากนั้นได้พาเจ้าหน้าที่เข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 118 หมู่ที่ 11 บ้านแสนสุข ต.บึงกาฬ ที่ นช.ธวัชชัยหนีมากบดานอยู่กับ นายชัยมงคล อายุ 25 ปี เพื่อนอีกคน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้กระโดดหน้าต่างบ้านวิ่งหลบหนีจะเข้าไปในป่าละเมาะหลังบ้าน แต่ถูกเจ้าหน้าที่ซุ่มรออยู่จับกุมตัวไว้ได้ เข้าตรวจค้นในบ้านพบโซ่ตรวนกองอยู่พร้อมอุปกรณ์คีมไขควงใช้ในการตัดโซ่ตรวนและชุดนักโทษจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
นช.ธวัชชัย เผยวิธีการรูดโซ่ตรวนซึ่งไม่มีวิชาอาคมอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องว่า ขณะอยู่ในเรือนจำได้ใช้สายเชือกผ้ารัดหัวกางเกงสอดเข้าไปในวงห่วงโซ่ตรวน จากนั้นใช้เสื้อบิดเป็นเกลียวแล้วขันชะเนาะให้ห่วงโซ่ตรวนง้างออก จากนั้นก็ทำตัวเป็นปกติรอเวลามาขึ้นศาล ขณะที่ขังอยู่ใต้ถุนศาลจังหวัดบึงกาฬรอรถมารับกลับเรือนจำในช่วงเย็น จึงได้บอกให้ น.ส.โสภิญติดเครื่องรถรอจะวิ่งไปซ้อนรถให้พาหลบหนี จึงแจ้งข้อหาเป็นผู้ต้องขังหลบหนีจากการควบคุมระหว่างอยู่ในอำนาจควบคุมของศาล
ส่วน น.ส.โสภิน และ นายชัยมงคล ถูกแจ้งข้อหาเป็นผู้ช่วยเหลือผู้ต้องขังหลบหนีจากการควบคุมระหว่างอำนาจควบคุมของศาล ควบคุมตัวทั้ง 3 คนส่ง ร.ต.อ.เจริญ แก้วแสนคำ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองบึงกาฬ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
http://news.sanook.com/2018970(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
เชือด 17 สีกากีเอี่ยวส่วย!? เขย่าวงการตำรวจสะเทือน
         
       คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่งัดมาตรา 44 ออกคำสั่ง 33/2559 เด้งข้าราชการเข้ากรุกราวรูด 23 ราย และที่สำคัญ ใน 23 ราย มีถึง 17 ราย เป็น “ตำรวจ” ตั้งแต่ระดับ ผู้บัญชาการ (ผบช.) ยศ “พล.ต.ท.” ลงไปจนถึง สารวัตร (สว.) ยศ “พ.ต.ต.”
       
       เล่นเอาเหล่า “สีกากี” หนาวกันทั้ง “กรมปทุมวัน”!!! คำสั่งให้ “ตำรวจ” ทั้ง 17 ราย ไปปฏิบัติราชการในศูนย์ปฏิบัติราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) ประกอบด้วย พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.9 พล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.ภ.จว.สงขลา พล.ต.ต.วิชาญญ์วัชร์ บริรักษ์กุล ผบก.น.1 พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สายสืบ รอง ผบก.น.1 พ.ต.อ.ภาสกร กลั่นหวาน ผกก.สภ.สะเดา จว.สงขลา พ.ต.อ. กิตติพงศ์ วิเศษสงวน ผกก.ห้วยขวาง พ.ต.อ.สถิตย์ สังข์ประไพ ผกก.สส.บก.น.1
       
       พ.ต.อ. ธรากร เลิศพรเจริญ ผกก.4 บก.ทท. อดีต ผกก.1 บก.ปคม. พ.ต.อ.อัมรินทร์ อัมพรมหา ผกก.2 บก.ส.2 พ.ต.อ.กิตติภณ แก้วอัมพร ผกก.3 บก.ส.2 พ.ต.อ.ทิฆัมพร ศรีสังข์ ผกก.2 บก.สส.สตม. พ.ต.อ. อโนทัย แสงเฟือง ผกก.2 บก.ตม.1 พ.ต.ท.ศาสตร์ศักดิ์ ชัยประเสริฐ รอง ผกก.ป.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ท. ศุภภัทร สวัสดี สวป.สน.ห้วยขวาง พ.ต.ต.ทิพากร แก้วเปล่ง สว.สส.บก.น.1 และ พ.ต.ต.นันทพล ทองน่วม สว.งานสายตรวจ 1 กก.สายตรวจ บก.สปพ.
       
       ท้ายคำสั่งดังกล่าวยังให้ “ผู้บังคับบัญชา” แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน กรณีที่ผลการตรวจสอบพบผู้ถูกตรวจสอบ มีความผิดตามที่ได้รับแจ้ง หรือมีความผิดประการอื่นที่เชื่อมโยงไปถึงให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยและกฎหมาย ที่สำคัญ กรณีที่ไม่พบว่ามีการกระทำความผิดหรือไม่ถึงขั้นต้องดำเนินการทางวินัย ให้เยียวยาแก่ผู้ถูกตรวจสอบ โดยให้ไปดำรงตำแหน่งในระดับเดิมตามความเหมาะสม แต่ให้อยู่นอกพื้นที่เดิมก่อนเข้าสู่กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายในคราวต่อไป
       
       มิหนำซ้ำ ยังกำชับ “ผู้บังคับบัญชา” ในทุกหน่วยงานของรัฐ สอดส่องพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่ของรัฐในสังกัดในด้านประสิทธิภาพ สมรรถนะในการปฏิบัติราชการ การอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน และการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ ในกรณีเห็นว่าควรปรับปรุงแก้ไข ให้ตักเตือน แนะนำ ย้ายออกนอกพื้นที่ สับเปลี่ยนตำแหน่งหน้าที่การงาน หรือหากมีมูลความผิด ให้ดำเนินการทางวินัย โดยคำนึงถึงการให้ความเป็นธรรมแก่เจ้าหน้าที่ผู้นั้น การดูแลรักษาวินัยและกฎหมายตามอำนาจหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาและการรักษาประโยชน์สาธารณะ ในกรณีที่ผู้บังคับบัญชาละเว้นหรือบกพร่องในการปฏิบัติตามข้อนี้ ให้ผู้บังคับบัญชาเหนือชั้นขึ้นไปรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบ
       
       นั่นแสดงให้เห็นว่า “รัฐบาล” และ “คสช.” เอาจริงกับเจ้าหน้าที่รัฐที่มีพฤติกรรมนอกคอก โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์และบ่อนการพนัน ที่ประกาศเป็นนโยบายสำคัญ แต่ดูเหมือนที่ผ่านมาหน่วยงานต่าง ๆ โดยเฉพาะ “ตำรวจ” จะหย่อนยาน ไม่จริงจังในการปฏิบัติ
       
       กระทั่งเกิดเรื่องที่ กองทัพเรือ และ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ก็นำกำลังเข้าช่วยเหลือแรงงานชาวพม่า ที่ถูกบังคับใช้แรงงานค้ามนุษย์ภายในโรงแปรรูปสัตว์น้ำ หรือ ล้งกุ้ง จ.สมุทรสาคร ตามมาด้วยฝ่ายปกครอง กระทรวงมหาดไทย นำกำลังเข้าตรวจอาบอบนวด นาตารี เจอแรงงานต่างด้าวมาค้าประเวณี และพบบัญชีการจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหลายหน่วยงาน จากนั้นทหารและฝ่ายปกครอง ก็บุกทลายบ่อนการพนันแห่งใหญ่ชายแดนไทย - มาเลเซีย พื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา จับกุมนักพนันได้ 200 - 300 คน เมื่อไม่นานมานี้
       
       การลงโทษที่เฉียบขาด รุนแรง แบบไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม น่าจะเป็นสัญญาณเตือนส่งไปถึงเหล่าบรรดา “สีกากี” ไม่ให้แตกแถว ไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง เหมือนต้องการเชือดไก่ให้ “ลิงหลอกเจ้า” ดู เพราะเท่าที่ตรวจสอบรายชื่อ “ตำรวจ” ที่ต้องคำสั่งดังกล่าว อย่าง พล.ต.ท.วีระพงษ์ ผบช.ภ.7 ก็เคยเป็นลูกน้องใกล้ชิด พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีต ผบ.ตร. น้องชาย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หรือ “บิ๊กกุ้น” พล.ต.ต.สรไกร ผู้การฯสมุทรสาคร “บิ๊กโอ๋” พล.ต.ต.กฤษกร ผู้การฯสงขลา ก็เคยมีบทบาทสำคัญช่วงการแต่งตั้งที่ผ่านมา
       
       ยิ่งการแต่งตั้ง “นายพัน” รอบที่ผ่านมา มีข้อครหา มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ถึงความไม่ปกติธรรมดาของการแต่งตั้ง ที่แม้จะไม่มีใบเสร็จ หรือมีพยานหลักฐานชัดเจนว่า มีเรื่องเงิน เรื่องทอง เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ อย่างไร แต่ในแวดวงสังคมตำรวจต่างก็รับรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ย่อมไม่แปลกถ้าตำรวจที่ไม่ได้มาอย่างชอบธรรม จะมีการ “ถอนทุนคืน” จากที่ได้ลงทุนไป และสิ่งที่จะทำให้ได้ทุนคืนไวก็คงหนีไม่พ้นสถานบริการ บ่อนการพนัน และการค้ามนุษย์ ไม้แข็งที่ “รัฐบาล” และ “คสช.” หยิบมาทุบครั้งนี้ จึงเป็นเหมือนยากระตุ้นเตือนต่อมสำนึกการปฏิบัติหน้าที่ของ “ตำรวจ” เหมือนเป็นการวางบรรทัดฐาน หากมีการปล่อยปละเลย เรื่องสถานบริการ บ่อนการพนัน หรือค้ามนุษย์ บทลงโทษที่จะต้องถูกดำเนินการก็จะเป็นเช่นเดียวกับ 17 นายตำรวจ ที่ถูกคำสั่งครั้งนี้ ซึ่งเชื่อว่า เหล่าสีกากีทุกพื้นที่ต่างหนาว ๆ ร้อน ๆ แน่
       
       เช่นเดียวกับ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี แม้จะไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ทางอ้อมในฐานะ ผู้บังคับบัญชาสูงสุด เมื่อมีลูกน้องตำรวจกว่า 20 นาย เข้าข่ายต้องถูกตรวจสอบเช่นนี้ ก็คงจะปฏิเสธความรับผิดชอบไปไม่ได้ ยิ่งย่อมหนาว ๆ ร้อน ๆ มากกว่าใคร และยิ่งจะหนาวขึ้นไปอีก เพราะแทนที่ หัวหน้า คสช. จะมอบหมายให้ ผบ.ตร. ออกคำสั่งให้ตำรวจผู้ใต้บังคับบัญชามาช่วยราชการเอง เหมือนการดำเนินการตามระเบียบปกติ คสช. กลับเลือกที่จะออกคำสั่งเอง แถมไปประกาศในราชกิจจานุเบกษาด้วย ย่อมตีความไปเป็นอื่นไม่ได้นอกจากความไว้วางใจในตัว “ผบ.ตร.” เริ่มสั่นคลอน แต่จะสั่นคลอนแค่ไหน “บิ๊กแป๊ะ” น่าจะรับรู้สัญญาณต่าง ๆ โดยเฉพาะจะเกี่ยวข้องกับอนาคตเก้าอี้ “ผู้นำสีกากี” หรือไม่ อย่างไร เป็นเรื่องที่เดาใจ “หัวหน้า คสช.” ชั่วโมงนี้ยากจริง ๆ
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000063677(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ชาวบ้านเห็นคาตา พระซ้อนท้ายแม่ม่าย สารภาพนัดไปมีสัมพันธ์

ชาวบ้านเห็นคาตา พระซ้อนท้ายแม่ม่าย สารภาพนัดไปมีสัมพันธ์

ชาวบ้านสุดทน แจ้งตำรวจรวบตัวชายคล้ายพระ นั่งซ้อนท้ายรถสีกา ไปขอหลบบ้านชาวบ้าน เพราะคิดว่ามีคนร้ายตามมา ท่ามกลางเสียงสาปแช่ง ทำศาสนาเสื่อม
เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา (26 มิ.ย.) ร.ต.อ.บรรจง ศักดิ์พิมล รองสารวัตรสอบสวน สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า พบชายต้องค้ลายพระสงฆ์ นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ไปกับหญิงวัยกลางคน บริเวณเขาม่วง มุ่งหน้าไปทางถนนสาย 4006 หลังสวน-พะโต๊ะ และเลี้ยวเข้าไปหลบที่บ้านชาวบ้านจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย ร.ต.อ.ยงยุทธ พิมพ์เรือง รอง สวป.และกำลังสายตรวจจำนวนหนึ่ง
เมื่อไปถึงบ้านหลังดังกล่าวพบ นางสุนทรี อายุ 47 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้านและมีสีหน้าดีใจ เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกล่าวว่าเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา มีชายหญิงวัยกลางคน พร้อมด้วยเด็กหญิงอายุประมาณ 10 ขวบ ที่ตนไม่เคยรู้จักมาก่อน ขับขี่จักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ สีดำ เข้ามาหาที่หน้าบ้าน
หญิงที่ขับขี่จักรยานยนต์ ได้ออกปากขอหลบตัวที่บ้านชั่วคราว เพราะว่ามีคนขับรถตามมา เกรงว่าจะถูกทำร้าย ตนก็เห็นว่ามีรถเก๋งขับเวียนไปมาจริงๆ จึงอนุญาตให้ผู้หญิงและเด็กเข้าไปหลบในบ้าน ส่วนผู้ชายให้อยู่ข้างนอก จนกระทั่งเห็นตำรวจมาดังกล่าว

จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า ผู้ชายโกนหัวคือ พระโบโบ หรือ นายนาย อายุ 37 ปี เป็นชาวเมียนมา อาศัยอยู่ที่บริเวณศาลพ่อตาเขาม่วง ส่วนผู้หญิงคือ นางอุ้ม (นามสมมติ) อายุ 45 ปี เบื้องต้น พระโบโบ รับสารภาพเพียงแค่โทรนัดให้ นางอุ้ม มารับที่ศาลพ่อตาเขาม่วง เพื่อจะไปนอนที่บ้านของ นางอุ้ม ซึ่งเป็นแม่ม่าย
แต่ระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่นั้น สังเกตเห็นมีรถขับตามมา จึงเลี้ยวเข้าซอยและไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านเพราะคิดว่ามีคนร้ายติดตามมา กระทั้งตำรวจตามมาดังกล่าว จากการตรวจค้นในย่ามสีเขียวพบ สบง จีวร และข้าวของเครื่องใช้บางส่วน
หลังทราบว่าชายคนดังกล่าวเป็นพระสงฆ์ชาวเมียนมา เจ้าของบ้านและชาวบ้านที่มาดูเหตุการณ์ต่างไม่สบายใจที่พระโบโบ ทำตัวเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัว พระโบโบ ไปหาหลักฐานการเป็นพระที่ห้องพัก เบื้องต้นพบเพียงหนังสือผ่านแดนชั่วคราว จึงได้ประสานไปกับพระผู้ใหญ่เพื่อจะขอให้ทำการสึก แต่พระผู้ใหญ่ได้แจ้งว่าจากพฤติกรรมของพระโบโบนั้น ไม่จำเป็นต้องทำการสึก เพราะขาดจากความเป็นพระแล้ว
ต่อมาจึงได้นำตัวไปทำบันทึกการจับกุม เนื่องจากพระโบโบ ไม่สามารถแสดงเอกสารการเข้าเมืองอย่างถูกต้องได้ จึงแจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ส่วน นางอุ้ม เจ้าหน้าที่ได้ว่ากล่าวตักเตือนแล้วปล่อยตัวกลับไป
http://news.sanook.com/2018794(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ตำรวจโต้ดราม่า บอม สินเจริญ ไม่พบบังคับคนท้องเป่าวัดเมา

ตำรวจโต้ดราม่า บอม สินเจริญ ไม่พบบังคับคนท้องเป่าวัดเมา

สน.มักกะสัน จับมือ สน.ห้วยขวาง ยืนยันไม่มีรายงานบังคับคนท้องเป่าวัดแอลกอฮอล์ หลัง "" โพสต์ดราม่าว่อนเน็ต
จากกรณีที่ บอม สินเจริญ นักดนตรีชื่อดัง ได้ออกมาโพสต์ข้อความเชิงตำหนิการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระบุว่าพยายามบังคับให้ภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ ออกแรงเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ เหตุเกิดบริเวณสี่แยก อสมท. ย่านพระราม 9 กลายเป็นประเด็นวิจารณ์ไปต่างๆ นานาในสังคมออนไลน์
ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่า พื้นที่ที่นักดนตรีหนุ่มได้กล่าวถึงนั้น น่าจะเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ท้องที่ สน.มักกะสัน หรือ สน.ห้วยขวาง ทำให้ถูกเพ่งเล็งเป็นพิเศษ กระทั่งล่าสุด สน.ห้วยขวาง ได้ออกมาระบุว่า ทางท้องที่ได้มีการตั้งจุดตรวจบริเวณแยกเทียมร่วมมิตร แต่ก็ไม่มีรายงานเหตุการณ์ตามที่นักดนตรีหนุ่มโพสต์ไว้
เช่นเดียวกับทางด้าน พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ ผู้กำกับการ สน.มักกะสัน ได้ออกมาชี้แจงถึงกรณีนี้ โดยยอมรับว่ามีการตั้งจุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ บริเวณใกล้ๆ สี่แยก อสมท.จริง แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบที่ บอม สินเจริญ โพสต์ ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่พึ่งกระทำอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ต่างทราบดีเกี่ยวกับข้อปฏิบัติในการตรวจวัดแอลกอฮอล์
http://news.sanook.com/2018806(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
//////////////////////////////////////////////////////////////
ขอแนะนำคอลัมน์ดี/คลิปดี (เว๊บไซ้ท์ดีที่เราขอชมเชย).....
ซึ่งมีชื่ออยู่ในคลิปหรือข่าวที่อยู่ด้านบนนี้(เครดิต)และ.....
ขอชมเชยและขอให้เครดิตเว๊บไซ้ท์ดีที่มาของข่าว/ภาพ.....
นี่คือตัวอย่างบางส่วนอ่านเพิ่มเติมได้ตามแว๊บที่อยู่ด้านบน.....
/////////////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////////////
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์.....ถ่ายทอด.....
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร.....
ดังมีรายนามผู้บริหารดังนี้…. บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ.....
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ).....
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม...
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง.....
(อดีตคนเดลิมิเร่อร์) สุพรรณษา แซ่อั๊ง(นามปากกา"ผักบุ้ง).....
สุพัฒน์กฤต(ป้อม) เจ้าของสื่อหลายฉบับ ที่ปรึกษา บ.ก......
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์).....
สุจิตรา(นามปากกา หญิงเหล็ก”).....
ปฐมภพ(นามปากกา คนสายกลาง”)....ผู้ช่วยบ.ก….
สมชัย(นามปากกา"พฤกษ์ภิรมย์').....ที่ปรึกษาบ.ก......
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ.....ที่ปรึกษา......
ชมรมนักข่าวช่วยสังคม......(ที่ปรึกษา).....
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056).....
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น.....
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้ง(หลักสิบสื่อ).....
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวร่วมหลายแสนคน.....
dpm2554@gmail.com(เรามีพันธมิตรสื่อจำนวนมาก).....
คอลัมนิสต์นามปากกาคนพิเศษ”(ผู้ตรวจข่าวคนที่1.).....
รองฯ กรรณชัย (นามปากกาผู้กองแอ๊ด”).....
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ.....(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย).....

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น