แม่ค้าตลาดนัดเจอจนท.อ้างเป็นตำรวจปอศ.จับสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์
เมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 26 มิถุนายน 2559 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากพ่อค้าแม่ค้าตลาดนัดเทพประสิทธิ์ พัทยาใต้ แหล่งธุรกิจสำคัญของเมืองพัทยา ว่ามีกลุ่มชายฉกรรจ์อ้างตัวเป็นตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) 10 กว่าคนลงพื้นที่จับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อแบรนด์ดัง
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึงพบกลุ่มขายฉกรรจ์ดังกล่าวกำลังจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ ก่อนจะมีหนึ่งในนั้นขอดูบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว ก่อนบอกว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ ปอศ. มี พ.ต.ท.เทียนชัย เลิศมณีทวีทรัพย์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3.บก.ปอศ. เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและจับกุมกลุ่มผู้ค้าสินค้า ตามที่ได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชนและนักท่องเที่ยวว่าตลาดแห่งนี้มีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์วางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก
จากการจับกุมดังกล่าวได้ของกลางเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา รองเท้ายี่ห้อแบรนด์ดังต่างๆ ที่ละเมิดลิขสิทธิ์รวมกว่า 100 รายการ มีมูลค่าความเสียหายร่วม 1 ล้านบาท ก่อนกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวจะขนของกลางขึ้นรถหายไปในที่สุด โดนใช้เวลาไม่นาน สร้างความงุนงงให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลปฏิบัติการดังกล่าวจาก พ.ต.ทปวัธชัย สุดสคร รอง ผกก.ป. สภ.เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีการประสานงานจากตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ว่าจะมีการลงพื้นที่จับกุมแต่อย่างใดด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางมาถึงพบกลุ่มขายฉกรรจ์ดังกล่าวกำลังจับกุมสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์อยู่ ก่อนจะมีหนึ่งในนั้นขอดูบัตรประจำตัวผู้สื่อข่าว ก่อนบอกว่าทั้งหมดเป็นเจ้าหน้าที่ ปอศ. มี พ.ต.ท.เทียนชัย เลิศมณีทวีทรัพย์ รอง ผกก.(สอบสวน) กก.3.บก.ปอศ. เป็นหัวหน้าชุดนำกำลังเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบและจับกุมกลุ่มผู้ค้าสินค้า ตามที่ได้รับการร้องเรียนมาจากประชาชนและนักท่องเที่ยวว่าตลาดแห่งนี้มีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์วางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก
จากการจับกุมดังกล่าวได้ของกลางเป็นเสื้อผ้า กระเป๋า นาฬิกา รองเท้ายี่ห้อแบรนด์ดังต่างๆ ที่ละเมิดลิขสิทธิ์รวมกว่า 100 รายการ มีมูลค่าความเสียหายร่วม 1 ล้านบาท ก่อนกลุ่มชายฉกรรจ์ดังกล่าวจะขนของกลางขึ้นรถหายไปในที่สุด โดนใช้เวลาไม่นาน สร้างความงุนงงให้กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าบริเวณดังกล่าวเป็นอย่างมาก
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลปฏิบัติการดังกล่าวจาก พ.ต.ทปวัธชัย สุดสคร รอง ผกก.ป. สภ.เมืองพัทยา ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่มีการประสานงานจากตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ว่าจะมีการลงพื้นที่จับกุมแต่อย่างใดด้วยเช่นกัน
http://breakingnews.nationtv.tv/home/read.php?newsid=788266(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ตราด - ดาบตำรวจเมืองตราด เมาซิ่งกระบะแหกโค้งชนสะพานและรถยนต์อีก 2 คน เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย โดย ด.ญ.วัย 10 ขวบได้รับบาดเจ็บสาหัส
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) ได้เกิดเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน และผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบริเวณสะพานเสม็ดแดง รอยต่อ ตำบลท่าพริกและตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดตราด ซึ่งศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สถานีตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยตราดและรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพตราด ให้เดินทางไปรับตัวผู้บาดเจ็บ พร้อมแจ้ง ร.ต.อ.ยอดคม อินไข ร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ทราบ
โดยรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้รับตัวผู้ได้บาดเจ็บ สาหัสเป็นเด็กหญิง อายุประมาณ 10 ขวบ สภาพมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าและศีรษะ และยังมีบาดแผลตามร่างกายออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะเกิดเหตุยังสวมชุดนักเรียน และมีบิดาของผู้บาดเจ็บนั่งมาด้วย โดยได้นำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตราด นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยอีก 3 คน บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยตราดได้ทยอยนำส่งโรงพยาบาลอื่นๆ ต่อไป
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน บค 94 ตราด สภาพหน้ารถพังยับเยิน ยางล้อหลังแตก และมี ดต.ปราการ (ไม่ทราบนามสกุล) สังกัดกองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 117 บ้านท่าเพ เป็นคนขับและนั่งรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยอาการเมาสุรา
นอกจากนั้นยังพบรถยนต์กระบะยี่ห้อเซฟโลแลต หมายเลขทะเบียน บบ 8758 จันทบุรี สภาพหน้ารถพังเสียหาย ไม่สามารถขับต่อได้ และยังพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน บฉ 7598 ตราด ด้านหน้าเสียหายไม่มากนัก ในที่เกิดเหตุยังพบ กระโปรงนักเรียนและรองเท้านักเรียนตกอยู่
สอบถาม นายเอกชัย พาทีทิน อายุ 31 ปี ผู้ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ตนเและพ่อตารวมถึงผู้บาดเจ็บอีก 2 คน กำลังยืนตกกุ้งและวางลอบดักกุ้ง ดักปู อยู่บริเวณสะพานที่เกิดเหตุ ขณะนั้นได้มีรถกระบะที่ขับโดย ดต.ปราการ (ไม่ทราบนามสกุล) วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะแหกโค้งพุ่งชนคอสะพานก่อนเสียหลักพุ่งชนเด็กและผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่บนสะพาน ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ส่วนตนกระโดดหนีได้ทัน
ด้าน ดต.ปราการ ให้การด้วยอาการเมาว่า ได้ใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นประจำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองตราด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้ (27 มิ.ย.) ได้เกิดเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน และผู้บาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบริเวณสะพานเสม็ดแดง รอยต่อ ตำบลท่าพริกและตำบลท่ากุ่ม อำเภอเมือง จังหวัดตราด ซึ่งศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 สถานีตำรวจภูธรจังหวัดตราด ได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยตราดและรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพตราด ให้เดินทางไปรับตัวผู้บาดเจ็บ พร้อมแจ้ง ร.ต.อ.ยอดคม อินไข ร้อยเวร สถานีตำรวจภูธรเมืองตราด ทราบ
โดยรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพ ได้รับตัวผู้ได้บาดเจ็บ สาหัสเป็นเด็กหญิง อายุประมาณ 10 ขวบ สภาพมีบาดแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าและศีรษะ และยังมีบาดแผลตามร่างกายออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งขณะเกิดเหตุยังสวมชุดนักเรียน และมีบิดาของผู้บาดเจ็บนั่งมาด้วย โดยได้นำตัวส่งต่อไปยังโรงพยาบาลตราด นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อยอีก 3 คน บาดเจ็บ เจ้าหน้าที่กู้ภัยตราดได้ทยอยนำส่งโรงพยาบาลอื่นๆ ต่อไป
จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน บค 94 ตราด สภาพหน้ารถพังยับเยิน ยางล้อหลังแตก และมี ดต.ปราการ (ไม่ทราบนามสกุล) สังกัดกองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 117 บ้านท่าเพ เป็นคนขับและนั่งรอให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ด้วยอาการเมาสุรา
นอกจากนั้นยังพบรถยนต์กระบะยี่ห้อเซฟโลแลต หมายเลขทะเบียน บบ 8758 จันทบุรี สภาพหน้ารถพังเสียหาย ไม่สามารถขับต่อได้ และยังพบรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ หมายเลขทะเบียน บฉ 7598 ตราด ด้านหน้าเสียหายไม่มากนัก ในที่เกิดเหตุยังพบ กระโปรงนักเรียนและรองเท้านักเรียนตกอยู่
สอบถาม นายเอกชัย พาทีทิน อายุ 31 ปี ผู้ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ทราบว่า ตนเและพ่อตารวมถึงผู้บาดเจ็บอีก 2 คน กำลังยืนตกกุ้งและวางลอบดักกุ้ง ดักปู อยู่บริเวณสะพานที่เกิดเหตุ ขณะนั้นได้มีรถกระบะที่ขับโดย ดต.ปราการ (ไม่ทราบนามสกุล) วิ่งมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะแหกโค้งพุ่งชนคอสะพานก่อนเสียหลักพุ่งชนเด็กและผู้ใหญ่ที่ยืนอยู่บนสะพาน ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ส่วนตนกระโดดหนีได้ทัน
ด้าน ดต.ปราการ ให้การด้วยอาการเมาว่า ได้ใช้เส้นทางดังกล่าวเป็นประจำ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรเมืองตราด เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
หน้าแรกผู้จัดการ Online | ภาคกลาง-ตะวันออก(เครดิต) http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000064257(เครดิต) ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ พระพุทธะอิสระแจ้งตร.เอาผิดศิษย์วัดพระธรรมกาย
สนับสนุนเนื้อหา
(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑ วันนี้ (27 มิ.ย.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการปรับปรุงกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ โดยจะเริ่มใช้ในการแต่งตั้งวาระประจำปี 2559 ว่า ที่ประชุม ก.ตร.ต้องการให้เกิดการกระจายตำแหน่ง และให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ที่ผ่านมานโยบายของ ผบ.ตร.มีความชัดเจนในการให้ความเป็นธรรมเท่าเทียมกันในการแต่งตั้ง ซึ่งในปัจจุบันตำแหน่งหลักๆ นั้นมีอยู่น้อยเกินไป คนที่มีความรู้ความสามารถจึงไม่มีโอกาสได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ กฎการแต่งตั้งครั้งนี้จึงสามารถทำให้สามารถอยู่ในตำแหน่งได้นาน เมื่อเป็นผู้ใหญ่ในอนาคตจะได้นำความสามารถและประสบการณ์มาใช้ได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมากฎการแต่งตั้งก็มีการปรับเปลี่ยนมาโดยตลอดเพื่อให้เกิดความเหมาะสมซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่เป็นส่วนใหญ่ และพิจารณาจากความเหมาะสมและความรู้ความสามารถเป็นหลัก ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนระเบียบการแต่งตั้งในครั้งนี้เป็นประโยชน์ โดยนำโครงสร้างของกำลังพลมาพิจารณาเพื่อให้เป็นไปตามสถานการณ์ต่างๆ ที่มีการเปลี่ยนแปลงเสมอ รวมถึงให้มีความเหมาะสมกับพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จึงขอเรียนว่าการปรับเปลี่ยนทุกอย่างเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น