ตามโชเฟอร์สิบล้อสอบจ่ายส่วย
รู้ตัวตำรวจทางหลวงรีดส่วยรถบรรทุกตามที่มีคลิปแพร่ทางโลกออนไลน์ ผบก.ทล.สั่งย้ายเข้ากรุพร้อมตั้งคณะกรรมการสอบ ยันผิดจริงเจอโทษทั้งวินัย อาญา
สตช. * รู้ตัวตำรวจทางหลวงรีดส่วยรถบรรทุก ยศ ร.ต.ท. อยู่สิงห์บุรี ผบ.ทล.สั่งเด้งด่วนเข้ากรุพร้อมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง รู้ผลใน 7 วัน ยันผิดจริงเจอทั้งวินัย อาญา สั่งตามตัวคนจ่ายพร้อมผู้ถ่ายคลิปเข้าให้ปากคำ
ได้กลายเป็นประเด็นวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง กรณีมีการเผยแพร่คลิปวิดีโอตำรวจทางหลวงเรียกรับส่วยจากคนขับรถบรรทุก บริเวณถนนสายเอเชีย อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้ตรวจสอบคลิปดังกล่าวแล้ว พบว่าเป็นตำรวจยศ "ร.ต.ท." สังกัดสถานีตำรวจทางหลวงสิงห์บุรี ขับรถสายตรวจออกไปเพียงผู้เดียว ซึ่งผิดข้อปฏิบัติ เนื่องจากการออกตรวจนั้นต้องมีคู่ตรวจออกตรวจไปด้วย ถือว่าเป็นการกระทำผิดทางวินัย ทั้งนี้ ในเบื้องต้นสั่งการให้มาปฏิบัติหน้าที่ประจำกองบังคับการตำรวจทางหลวงโดยไม่มีกำหนดเป็นที่เรียบร้อย พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อรอผลการสอบสวน และดำเนินคดีตามขั้นตอนทางวินัยและทางกฎหมาย คาดว่าจะทราบผลไม่เกินภายใน 7 วัน
"ผมยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ถ้าหากตรวจสอบแล้วว่าผิดจริง ตำรวจรายนี้จะต้องรับโทษทั้งทางวินัยและอาญา ซึ่งผมจะไม่ปล่อยเอาไว้ให้เป็นเยี่ยงอย่างอยู่แล้ว อย่างไรก็ดี ในฐานะผู้บังคับบัญชายังไม่อยากลงความเห็นสรุปในตอนนี้ อยากให้ผลสอบสวนเรียบร้อยก่อนถึงจะสามารถระบุความชัดเจนได้"
พล.ต.ต.สมชายกล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้กำชับไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา สังกัดกองบังคับการตำรวจทางหลวง กว่า 2,300 นาย ห้ามกระทำการในลักษณะดังกล่าวอย่างเด็ดขาด หากพบจะดำเนินการทางวินัยขั้นสูงสุด
ด้าน พ.ต.อ.โสภณ สารพัฒน์ ผกก.1 บก.ทล. เปิดเผยว่า คลิปภาพน่าจะเกิดที่ถนนสายเอเชียระหว่าง จ.สิงห์บุรี และ จ.ชัยนาท ซึ่งตำรวจที่ปรากฏในภาพคล้ายกับ ร.ต.ท.นายหนึ่ง สังกัดตำรวจทางหลวงสิงห์บุรี ซึ่งผู้บังคับการตำรวจทางหลวงได้สั่งให้ไปช่วยราชการที่กองบังคับการตำรวจทางหลวงแล้ว มีการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดทางวินัย ส่วนทางอาญาอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน โดยเฉพาะการติดตามตัวผู้ขับขี่รถบรรทุกคันเกิดเหตุมาชี้ตัวยืนยัน ซึ่งเรื่องนี้จะดำเนินคดีไปตามกฎหมายไม่มีการยกเว้น
มีรายงานว่า ขณะนี้ตำรวจทางหลวงอยู่ระหว่างการตรวจสอบและติดตามตัวผู้ขับขี่รถบรรทุกคันที่ถูกเรียกเก็บเงินปรากฏตามคลิปเพื่อมาให้การ รวมทั้งผู้ที่ถ่ายคลิปเพื่อชี้ตัวยืนยัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ รวมทั้งตรวจสอบว่าผู้ที่ปล่อยคลิปเป็นใคร และมีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย
พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า ได้สั่งการให้ บก.ทล.ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานให้ทราบตามลำดับชั้นโดยเร็วที่สุด เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลต่อภาพลักษณ์ขององค์กรตำรวจอย่างมาก หากพบผิดจริงก็จะต้องดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด.
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2380273(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
(เครดิตภาพจากตำรวจภูธร จ.พิษณุโลก)
ผบช.ภ.6 มอบหมายให้ตำรวจในพื้นที่นำเงินช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ 1 แสนบาท ไปมอบให้ครอบครัว ‘น้องฟ้า’ ด.ญ. 10 ขวบ ชาว อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ที่บ้านถูกไฟไหม้หมดทั้งหลัง เพื่อใช้สร้างบ้านหลังใหม่...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 11 มี.ค. 59 พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ผบช.ภ.6 และ พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบช.ภ.6 ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.นิคม สภาพพร รอง ผบก.ภ.จ.พิษณุโลก พ.ต.อ.ธรธวัช แจ่มอุดมโชต ผกก.สภ.วังทอง พ.ต.ท.ธนกฤษ พาภิรมย์ สวญ.สภ.เนินกุ่ม นำเงินช่วยเหลือผู้ประสบเหตุเพลิงไหม้ 100,000 บาท มอบให้กับ นางประครอง บุญวัฒน์ อายุ 51 ปี และ ด.ญ.ศศิธร แก้วบัวผัน หรือน้องฟ้า อายุ 10 ขวบ บ้านเลขที่ 309 หมู่ 2 ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังทราบข่าวความเดือดร้อนจากไทยรัฐออนไลน์และไทยรัฐทีวี โดยมี นายสมชาย คุณคะมุต กำนัน ต.พันชาลี และ น.ส.ธัญญรัตน์ เดชใจทัษ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 2 มาร่วมเป็นสักขีพยาน
ทั้งนี้ ทางผู้มอบคือ ตำรวจภูธรภาค 6 ประสงค์ให้เงินดังกล่าวใช้สร้างบ้านพักอาศัยให้กับครอบครัวนี้ มีนายมงคล หุ่นพิกุลทอง ผจก.ธนาคารออมสิน มารับฝากเงินเพื่อเก็บไว้ในเบื้องต้น และจะดำเนินการปลูกสร้างที่พักอาศัย โดยให้นายสมชาย กำนัน และ น.ส.ธัญญรัตน์ ผู้ใหญ่บ้าน เป็นผู้ช่วยดำเนินการสร้างบ้าน
นอกจากนี้ ได้มีเหล่ากาชาด จ.พิษณุโลก พร้อมด้วย นางวารุณี อยู่สุข สรรพสามิตพื้นที่จังหวัดพิษณุโลก ร่วมบริจาคเงินและสิ่งของใช้ประจำวันด้วย.
http://www.thairath.co.th/content/589341(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
MGR Online - “พล.ต.ท.ศานิตย์" เผยมี 4 นายตำรวจนครบาลเอี่ยวผู้มีอิทธิพล พบเอี่ยวยาเสพติดและวินมอเตอร์ไซค์ หากผิดจริงเตรียมดำเนินการไล่ออก และดำเนินคดีทั้งวินัยและอาญา
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวถึงกรณีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นครบาลที่เป็นข้าราชการทั้ง 4 ราย ว่าได้รับการประสานจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มาจำนวน 4 ราย ทำการตรวจสอบแล้ว ในวันนี้จะรายงานให้ ผบ.ตร.รับทราบในที่ประชุมบริหารของ ตร. ส่วนผู้มีอิทธิพลรายอื่นทั้ง 16 กลุ่มนั้นก็จะพยายามเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับผู้ที่มีพฤกติกรรมคล้ายผู้มีอิทธิพล บางคนอาจจะเคยมีพฤกติกรรมดังกล่าวแต่เลิกแล้ว หรือบางคนที่คิดจะทำอะไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้มีนโยบายในเรื่องดังกล่าวขึ้นมา เชื่อว่าผู้ที่คิดจะกระทำความผิดนั้น ต้องรู้สึกเกรงกลัวแน่นอน ขอยืนยันว่า บช.น.จะสนองนโยบายนี้เต็มที่ทุกมาตรการ หลายจุดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลแล้วคาดว่าจะมีการรายงานผลการปฏิบัติเร็วๆ นี้ ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอก
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่าทั้ง 4 รายมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ทั้ง 4 ราย มี 2 ราย เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนอีก 2 รายมีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรยานยนต์รับจ้าง บางรายไม่ปรากฏตัว บางรายได้ตรวจสอบจากฝ่ายกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ก็ไม่ปรากฏว่าอยู่ในสังกัดใด หรือบางรายชื่อก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป็นการร้องเรียนจากประชาชนหรือไม่ ถึงมีการตรวจสอบในลักษณะดังกล่าว พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เป็นข้อมูลจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่มียศทั้ง 4 นาย แต่จากการตรวจสอบพบว่าหนึ่งในนั้นไม่ปรากฏว่าสังกัดใดใน ตร. ทั้งสามไม่ใช่อดีตนายตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า บุคคลทั้งสี่มีพฤกติกรรมเช่นนี้นานหรือยัง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า คือบางคนที่จับกุมอย่างต่อเนื่อง หรือบ่อยครั้ง ก็คงต้องตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง เพราะว่าบางทีคนที่จับเก่งอาจจะมีการเลือกปฏิบัติ คือรู้ระบบการทำงานของตำรวจก็หาช่องทางในการหาผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นอกเหนือจาก 4 รายที่มีรายชื่อ บุคคลที่มีลักษณะในการรู้จักกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ได้มีอิทธิพลเองแต่เป็นบรรดาเครือญาติ มีลักษณะอย่างไร พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องอยู่ในความถูกต้อง ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและผล ถ้าไม่เชื่อมโยง ไม่เกี่ยวข้อง แต่ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานว่าบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ถือเป็นเรื่องปกติ ขอยืนยันว่าจะยึดหลักในการทำงานที่ถูกต้องชอบธรรม ท่าน ผบ.ตร.ก็บอกแล้วว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ส่วนคนที่คิดจะกระทำความผิดขอให้เลิก หรือทำความผิดไปแล้วขอให้เลิก หันมาร่วมมือกัน คืออย่างน้อยที่สุดมันเกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายปกครอง ส่งรายชื่อให้ตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ยังไม่มี เบื้องต้นมีเพียง 4 รายชื่อเท่านั้น และเร่งรัดขยายผลว่ากลุ่มใดสามารถดำเนินการได้ ก็จะเร่งกวาดล้างให้สิ้น แต่จะมีกลุ่มใดบ้างนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะที่ผ่านมาได้สั่งการให้ผบก.1 และผบก.น.6 ไปตรวจสอบในพื้นที่ ว่ามีการเรียกค่าคุ้มครองหรือไม่ ซึ่งได้รับรายงานว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอดีต ที่เรียกมาปรับความเข้าใจกันแล้ว ถ้ามีพฤกติกรรมดังกล่าวยืนยันว่าจับทันที
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า อีกกลุ่มที่เป็นผู้มีอิทธิพลในส่วนของวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง นอกจากในพื้นที่บก.น.2 มีในพื้นที่ใดหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากยังไม่พบการกระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของนครบาลมีจุดไหนที่มองเป็นพิเศษว่ามีการสร้างอิทธิพล แบ่งเครือข่ายอย่างชัดเจนบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เท่าที่ทราบก็คือรู้ว่าทุกจุดอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ แต่ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากว่าต้องดำเนินการเป็นความลับ เพราะการกวาดล้างอิทธิพล จะไปบอกล่วงหน้าก็ไม่ได้ สรุปว่าเฝ้ามองทุกจุดในนครบาลแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะฝากถึงกำลังผลที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิดอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ฝากไปถึงผู้กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือพลเรือน หรือฝ่ายอื่นฝ่ายใดก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายที่จะกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทั้ง 16 กลุ่ม ดังนั้นขอให้ข้าราชการและผู้ที่กระทำความผิด ลด ละ เลิก หันมาร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองสงบ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย และทุกคนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
“หากพบว่ามีกำลังพลหรือข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ไล่ออกยังไม่พอ จะต้องดำเนินคดีอาญาด้วย ตัวอย่างเช่น กรณี สน.บวรมงคล ก็ต้องดำเนินคดีทุกอย่าง ทั้งวินัย และอาญา”
วันนี้ (11 มี.ค.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. กล่าวถึงกรณีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่นครบาลที่เป็นข้าราชการทั้ง 4 ราย ว่าได้รับการประสานจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.มาจำนวน 4 ราย ทำการตรวจสอบแล้ว ในวันนี้จะรายงานให้ ผบ.ตร.รับทราบในที่ประชุมบริหารของ ตร. ส่วนผู้มีอิทธิพลรายอื่นทั้ง 16 กลุ่มนั้นก็จะพยายามเร่งรัดดำเนินการเกี่ยวกับผู้ที่มีพฤกติกรรมคล้ายผู้มีอิทธิพล บางคนอาจจะเคยมีพฤกติกรรมดังกล่าวแต่เลิกแล้ว หรือบางคนที่คิดจะทำอะไรก็ตาม ทางรัฐบาลได้มีนโยบายในเรื่องดังกล่าวขึ้นมา เชื่อว่าผู้ที่คิดจะกระทำความผิดนั้น ต้องรู้สึกเกรงกลัวแน่นอน ขอยืนยันว่า บช.น.จะสนองนโยบายนี้เต็มที่ทุกมาตรการ หลายจุดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปดูแลแล้วคาดว่าจะมีการรายงานผลการปฏิบัติเร็วๆ นี้ ส่วนรายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เหมือนเป็นการชี้โพรงให้กระรอก
ด้านผู้สื่อข่าวถามว่าทั้ง 4 รายมีพฤติกรรมอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ทั้ง 4 ราย มี 2 ราย เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ส่วนอีก 2 รายมีส่วนเกี่ยวข้องกับจักรยานยนต์รับจ้าง บางรายไม่ปรากฏตัว บางรายได้ตรวจสอบจากฝ่ายกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ก็ไม่ปรากฏว่าอยู่ในสังกัดใด หรือบางรายชื่อก็ต้องตรวจสอบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า เป็นการร้องเรียนจากประชาชนหรือไม่ ถึงมีการตรวจสอบในลักษณะดังกล่าว พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เป็นข้อมูลจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องส่งมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ เบื้องต้นทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ที่มียศทั้ง 4 นาย แต่จากการตรวจสอบพบว่าหนึ่งในนั้นไม่ปรากฏว่าสังกัดใดใน ตร. ทั้งสามไม่ใช่อดีตนายตำรวจ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า บุคคลทั้งสี่มีพฤกติกรรมเช่นนี้นานหรือยัง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า คือบางคนที่จับกุมอย่างต่อเนื่อง หรือบ่อยครั้ง ก็คงต้องตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง เพราะว่าบางทีคนที่จับเก่งอาจจะมีการเลือกปฏิบัติ คือรู้ระบบการทำงานของตำรวจก็หาช่องทางในการหาผลประโยชน์
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า นอกเหนือจาก 4 รายที่มีรายชื่อ บุคคลที่มีลักษณะในการรู้จักกัน ช่วยเหลือกัน ไม่ได้มีอิทธิพลเองแต่เป็นบรรดาเครือญาติ มีลักษณะอย่างไร พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ทุกอย่างต้องอยู่ในความถูกต้อง ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุและผล ถ้าไม่เชื่อมโยง ไม่เกี่ยวข้อง แต่ทางเจ้าหน้าที่มีหลักฐานว่าบุคคลดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่สามารถดำเนินการได้ ถือเป็นเรื่องปกติ ขอยืนยันว่าจะยึดหลักในการทำงานที่ถูกต้องชอบธรรม ท่าน ผบ.ตร.ก็บอกแล้วว่าทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ส่วนคนที่คิดจะกระทำความผิดขอให้เลิก หรือทำความผิดไปแล้วขอให้เลิก หันมาร่วมมือกัน คืออย่างน้อยที่สุดมันเกิดความเดือดร้อนต่อพี่น้องประชาชน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของข้าราชการทหาร ข้าราชการฝ่ายปกครอง ส่งรายชื่อให้ตรวจสอบหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ยังไม่มี เบื้องต้นมีเพียง 4 รายชื่อเท่านั้น และเร่งรัดขยายผลว่ากลุ่มใดสามารถดำเนินการได้ ก็จะเร่งกวาดล้างให้สิ้น แต่จะมีกลุ่มใดบ้างนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะที่ผ่านมาได้สั่งการให้ผบก.1 และผบก.น.6 ไปตรวจสอบในพื้นที่ ว่ามีการเรียกค่าคุ้มครองหรือไม่ ซึ่งได้รับรายงานว่าเรื่องดังกล่าวเป็นอดีต ที่เรียกมาปรับความเข้าใจกันแล้ว ถ้ามีพฤกติกรรมดังกล่าวยืนยันว่าจับทันที
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า อีกกลุ่มที่เป็นผู้มีอิทธิพลในส่วนของวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง นอกจากในพื้นที่บก.น.2 มีในพื้นที่ใดหรือไม่ พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ยังไม่สามารถระบุได้ เนื่องจากยังไม่พบการกระทำความผิด
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในส่วนของนครบาลมีจุดไหนที่มองเป็นพิเศษว่ามีการสร้างอิทธิพล แบ่งเครือข่ายอย่างชัดเจนบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เท่าที่ทราบก็คือรู้ว่าทุกจุดอาจจะก่อให้เกิดความเสียหายได้ แต่ก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากว่าต้องดำเนินการเป็นความลับ เพราะการกวาดล้างอิทธิพล จะไปบอกล่วงหน้าก็ไม่ได้ สรุปว่าเฝ้ามองทุกจุดในนครบาลแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าจะฝากถึงกำลังผลที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะมีความผิดอย่างไรบ้าง พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า ฝากไปถึงผู้กระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือพลเรือน หรือฝ่ายอื่นฝ่ายใดก็ตาม รัฐบาลมีนโยบายที่จะกวาดล้างผู้มีอิทธิพลทั้ง 16 กลุ่ม ดังนั้นขอให้ข้าราชการและผู้ที่กระทำความผิด ลด ละ เลิก หันมาร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองสงบ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัย และทุกคนไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ
“หากพบว่ามีกำลังพลหรือข้าราชการตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ไล่ออกยังไม่พอ จะต้องดำเนินคดีอาญาด้วย ตัวอย่างเช่น กรณี สน.บวรมงคล ก็ต้องดำเนินคดีทุกอย่าง ทั้งวินัย และอาญา”
http://www.manager.co.th/Crime/ViewNews.aspx?NewsID=9590000025863(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
|
http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9590000026007(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ขอแนะนำคอลัมน์ดี/คลิปดี (เว๊บไซ้ท์ดีที่เราขอชมเชย).....
ซึ่งมีชื่ออยู่ในคลิปหรือข่าวที่อยู่ด้านบนนี้(เครดิต)และ.....
ขอชมเชยและขอให้เครดิตเว๊บไซ้ท์ดีที่มาของข่าว/ภาพ.....
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา 11359 )ถ่ายทอด.....
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร.....
ไม่รับโฆษณา ลงข่าวฟรี! ประกาศข่าวฟรี! ฟรีทุกอย่าง.....
ดังมีรายนามผู้บริหารดังนี้…. บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ.....
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ).....
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม...
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม...
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง.....
(อดีตคนเดลิมิเร่อร์) ผู้ช่วย บ.ก......
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์).....
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”).....
ปฐมภพ(นามปากกา “คนสายกลาง”).....
สมชัย(นามปากกา"พฤกษ์ภิรมย์")ที่ปรึกษาบ.ก......
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ.....
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรี!).....
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056).....
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น.....
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้ง(หลายสื่อ).....
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวร่วมหลายแสนคน.....
dpm2554@gmail.com(เรามีพันธมิตรสื่อจำนวนมาก).....
คอลัมนิสต์นามปากกา“คนพิเศษ”(ผู้ตรวจข่าวคนที่1.).....
รองฯ กรรณชัย (นามปากกา”ผู้กองแอ๊ด”).....
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ.....(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย).....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น