ข่าวตำรวจ ประจำวันที่ 17 มีนาคม 2559(น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์)
พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3)กล่าวถึงการปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดเข้าไปเกี่ยวข้องว่า กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (บช.ภ.3)ได้รับรายชื่อนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)แล้วมีประมาณ 30 นาย มีบางรายเสียชีวิตแล้ว บางรายย้ายไปที่อื่น ตรวจสอบล่าสุดมีรายชื่อในแบล็กลิสต์ 17 นาย อยู่ในระดับชั้นประทวนถึงสัญญาบัตร พบฐานความผิดส่วนใหญ่เป็นเรื่องยาเสพติด การพนัน และเรื่องทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งขณะได้ย้ายนายตำรวจจำนวนดังกล่าวมาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรภาค(ศปก.ภ.) เป็นเวลา 30 วันและตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หากพบความผิดจะดำเนินทั้งวินัย และอาญาเด็ดขาด ส่วนมาตรการป้องกันข้าราชการตำรวจไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับมาเฟียผู้มีอิิทธิพล หากตรวจพบต้องย้ายออกนอกพื้นที่ไปอยู่ตามฝ่าย ตามภาคต่างๆก่อนหรือทำหน้าที่ธุรการ เอกสาร อำนวยการเพื่อตัดเส้นทางอำนาจ ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้ใช้ตำแหน่งหน้าที่มิชอบ ซึ่งจากการตรวจสอบไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค(บช.ภ.)ภาคต่างๆ พบว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น 28 ราย ตั้งแต่ระดับชั้นประทวนถึงสารวัตรเข้าข่าย 16 ฐานความผิด โดยในพื้นที่พบปัญหายาเสพติดมากที่สุด
ขณะที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ได้มีการสั่งย้ายนายตำรวจระดับชั้นประทวนและรองสารวัตร เบื้องต้นทั้งหมด 4 ราย ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเข้าข่ายมีความผิดในการเรียกรับสินบนจากสถานบริการ โรงงาน ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ และลักลอบนำคนเข้าออก และอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้นกว่า 50 ราย นอกจากนี้เหลืออีกภาคอื่นยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขและรายชื่อได้
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9590000028040(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้สอบถามไปยังกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค (บช.ภ.) ต่างๆ พบว่า ในพื้นที่รับผิดชอบของ พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิษฐ ผบช.ภ.4 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้าข่ายผู้มีอิทธิพลทั้งสิ้น28ราย ตั้งแต่ระดับชั้นประทวนถึงสารวัตรเข้าข่าย16ฐานความผิด โดยในพื้นที่พบปัญหายาเสพติดมากที่สุดขณะนี้
กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค7 ได้มีการสั่งย้ายนายตำรวจระดับชั้นประทวนและรองสารวัตร เบื้องต้นทั้งหมด4ราย ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลเข้าข่ายมีความผิดในการเรียกรับสินบนจากสถานบริการ โรงงาน ร้านค้า สถานประกอบการต่างๆ และลักลอบนำคนเข้าออกและอยู่ในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้นกว่ากว่า 50 ราย นอกจากนี้เหลืออีกภาคอื่นยังไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขและรายชื่อได้
http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/691127(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ผบก.น.2ประชุมชุดสืบสวนสรุปพยานคดีSCB
สนับสนุนเนื้อหา
ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ประชุมคณะทำงานคดีระบบอัคคีภัย SCB ขัดข้อง เพื่อสรุปพยานหลักฐาน ก่อนขอศาลออกหมายจับ
พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน คดีระบบป้องกันอัคคีภัย อาคารเอสซีบี ปาร์ค ธนาคารไทยพาณิชย์ ขัดข้อง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ได้เรียกประชุมคณะทำงานร่วม เพื่อสรุปพยานหลักฐาน และดูรายละเอียดในสัญญาร่วมระหว่างบริษัท เมก้า แพลนเน็ต จำกัด กับ ธนาคารไทยพาณิชย์ ก่อนขอศาลออกหมายจับบุคคลและนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องประมาณ 5-7 ราย
โดยคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ภายในวันนี้ และภายหลังการประชุมแล้วเสร็จ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 2 จะแถลงรายละเอียดต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง
http://news.sanook.com/1965574(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
 |
| ทหารนำน้ำสะอาดไปแจกให้กับชาวบ้านตามแนวชายแดน จ.อุบลราชธานี |
|
 |
อุบลราชธานี/นครพนม - ทหารระดมรถขนน้ำแจกชาวบ้านตามแนวชายแดน จ.อุบลราชธานี หลังเริ่มขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้เพราะบ่อน้ำแห้งจากภัยแล้ง ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนมก็ขนน้ำแจกประชาชนกว่า 200 ครัวเรือนเพื่อให้พอมีดื่มมีใช้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดบ้านยางใหญ่ ต.ยางใหญ่ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี พ.อ.ประจวบ มูลประดับ รองผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กรมทหาราบที่ 6 นำรถบรรทุกน้ำใช้อุปโภคบริโภคจำนวน 24,000 ลิตร แจกให้ชาวบ้านยางใหญ่และชาวบ้านยางน้อยที่ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ เพราะบ่อน้ำบาดาลไม่มีน้ำจากปัญหาภัยแล้งมานานเกือบ 1 เดือน
นางสุภาวดี นิตานันท์ ชาวบ้านยางใหญ่ เล่าว่า บ่อน้ำที่เคยมีน้ำใช้ได้เหือดแห้ง ทำให้ขาดน้ำดื่มน้ำใช้ ต้องหอบเสื้อผ้าเดินเข้ามาขอน้ำประปาจากเพื่อนบ้านเป็นระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร แต่บางครั้งน้ำประปาก็ไม่ไหล ทำให้ได้รับความเดือดร้อนมากในรอบกว่า 10 ปีที่ผ่านมา
สำหรับการช่วยเหลือประชาชนที่ขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้ตามอำเภอชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านไทย-กัมพูชา หน่วยงานทหารจะลำเลียงน้ำแจกจ่ายบรรเทาทุกข์ให้เป็นระยะ จนกว่าสถานการณ์ภัยแล้งในพื้นที่อำเภอน้ำยืนและอำเภอใกล้เคียงจะดีขึ้น
ตำรวจเร่งแจกน้ำดื่มช่วยเหลือชาวบ้านขาดแคลน
วันเดียวกันนี้ (17 มี.ค.) นายกนก ศรีวิชัยนันท์ นายอำเภอศรีสงคราม พ.ต.อ.โชคชัย อินทะนิน ผกก.สภ.ศรีสงคราม นายชาติชาย หาทำ นายก อบต.โพนสว่าง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม พร้อมด้วยผู้นำชุมชนท้องถิ่น เจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง นำรถน้ำบรรทุกน้ำอุปโภคบริโภคลงพื้นที่แจกจ่ายช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่บ้านโคกกลาง ต.โพนสว่าง อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม หลังประชาชนจำนวนกว่า 200 ครัวเรือน ประชากรกว่า 900 คน กำลังได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง
ทำให้ขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค เนื่องจากปีนี้มีปัญหาเรื่องน้ำใต้ดินขาดแคลน พื้นที่ส่วนมากเป็นพื้นที่สูง และเป็นดินลูกรัง ไม่สามารถสูบน้ำจากบ่อบาดาลได้ รวมถึงตามแหล่งน้ำธรรมชาติแห้งขอด ทางเจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรศรีสงครามได้นำรถบรรทุกน้ำดื่มบรรทุกน้ำออกไปแจกจ่ายช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน
โดยจะได้มีการแจกจ่ายช่วยเหลือต่อเนื่องในหมู่บ้านที่ได้รับผลกระทบ คาดว่าปีนี้ภัยแล้งจะส่งผลกระทบขั้นวิกฤตเนื่องจากฝนหมดเร็ว นอกจากนี้จะได้หารือสำรวจวางแผนพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาในระยะยาว ให้ประชาชนมีน้ำในการอุปโภคบริโภคตลอดปีต่อไป
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000027901(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ตร.เผยหนุ่มซิ่งเบนซ์ รับขับประมาท-จ่อสอบย้อนหลัง
สนับสนุนเนื้อหา
(เครดิต)
"พันตำรวจโทสมศักดิ์" เผย หนุ่มซิ่งเบนซ์ชน 2 นักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต รับสารภาพขับรถประมาท ตร.เตรียมสอบย้อนหลัง ไม่หนักใจถูกสังคมกดดัน
พันตำรวจโทสมศักดิ์ พลพันขาง รองผู้กำกับสอบสวน สถานีตำรวจภูธรพระอินทร์ราชา เปิดเผย ภายหลังสอบปากคำ นายเจนภพ วีรพร อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาขับขี่รถเมอร์ซิเดสเบนซ์ ป้ายทะเบียน ษง-3333 กรุงเทพมหานคร พุ่งชนรถ 2 นักศึกษาปริญญาโท ไฟคลอกจนเสียชีวิตบนถนนพหลโยธิน กิโลเมตรที่ 53 บริเวณทางแยกต่างระดับบางปะอินเมื่อวันที่ 13 มีนาคมที่ผ่านมาว่า
จากการสอบปากคำนานกว่า 3 ชั่วโมง ผู้ต้องหามีสติดีและได้ให้การรับสารภาพว่าขับรถโดยประมาทจริง หลังจากนี้ตำรวจเตรียมตรวจสอบย้อนหลังว่า ผู้ต้องหาเคยก่อเหตุชนแบบนี้มาแล้วกี่ครั้ง เบื้องต้นจากการสอบถามญาติยอมรับว่าผู้ต้องหาเคยขับรถจนเกิดอุบัติเหตุลักษณะนี้มาก่อน
ส่วนประเด็นที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดหลังเกิดอุบัติเหตุนั้น เนื่องจากผู้ต้องหาอยู่ในอาการบาดเจ็บ การไม่ให้ตรวจวัดแอลกอฮอล์ก็เป็นสิทธิ์ แต่ยืนยันว่าหลังเกิดเหตุตำรวจไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ในตัวผู้ต้องหา
ส่วนกรณีพบยาแก้โรคซึมเศร้าภายในรถของผู้ต้องหาจะมีผลต่อคดีหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ขอไปตรวจสอบรายละเอียดให้แน่ชัดก่อนรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีต่อไป ขณะเดียวกันยืนยันว่าตำรวจไม่รู้สึกกดดันการทำคดีนี้ หลังถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก
ขอบคุณภาพจาก จส.100
http://news.sanook.com/1965690(เครดิต)
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ขอแนะนำคอลัมน์ดี/คลิปดี (เว๊บไซ้ท์ดีที่เราขอชมเชย).....
ซึ่งมีชื่ออยู่ในคลิปหรือข่าวที่อยู่ด้านบนนี้(เครดิต)และ.....
ขอชมเชยและขอให้เครดิตเว๊บไซ้ท์ดีที่มาของข่าว/ภาพ.....
//////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทีมงานน.ส.พ.ดีโพลมานิวส์ (ดีโพลมา 17359 )ถ่ายทอด.....
น.ส.พ.ดีโพลมานิวส์เป็นองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไร.....
ไม่รับโฆษณา ลงข่าวฟรี! ประกาศข่าวฟรี! ฟรีทุกอย่าง.....
ดังมีรายนามผู้บริหารดังนี้…. บ.ก.เกรียงไกร พรเทพ.....
(พี่เทพ) (บรรณาธิการและหัวหน้ากองบรรณาธิการ).....
อดีตห.น.ข่าวร้องทุกข์และห.น.ศูนย์วิทยุน.ส.พ.ดาวสยาม...
จตุพล (บ.ก.บริหาร 3 สื่อ) บุญรุ่ง พวงทอง.....
(อดีตคนเดลิมิเร่อร์) สุพรรณษา แซ่อั๊ง(นามปากกา"ผักบุ้ง)
บรรทิศ คนเมืองคอน(ผู้ช่วย บ.ก.ดีโพลมานิวส์).....
สุจิตรา(นามปากกา “หญิงเหล็ก”).....
ปฐมภพ(นามปากกา “คนสายกลาง”).....
สมชัย(นามปากกา"พฤกษ์ภิรมย์')ที่ปรึกษาบ.ก......
ชมรมสื่อมวลชนและเพื่อนทนายความ.....
(รับปรึกษาปัญหากฎหมายฟรี!).....
เสริมสุข ขวัญปัญญา(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
นงลักษณ์ สุขจิรัง(ฝ่ายข่าวกฎหมาย-ทนายความ).....
โทร.099-2612588 หรือ 086 – 7928056).....
ข่าวที่เห็นอยู่นี้เป็นตัวอย่างเพียงบางส่วนเท่านั้น.....
ข่าวนี้จะนำไปลงสื่อฯต่างๆในเครืออีกครั้ง(หลายสื่อ).....
รวมสื่อต่างๆแล้วเรามีผู้อ่านข่าวร่วมหลายแสนคน.....
dpm2554@gmail.com(เรามีพันธมิตรสื่อจำนวนมาก).....
คอลัมนิสต์นามปากกา“คนพิเศษ”(ผู้ตรวจข่าวคนที่1.).....
รองฯ กรรณชัย (นามปากกา”ผู้กองแอ๊ด”).....
รอง บ.ก. ดูแลข่าวตำรวจ.....(ผู้ตรวจข่าวคนสุดท้าย).....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น