ข่าว หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์(เครดิต) -- อาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2559 00:00:28 น.
จากแค่ข่าวลือตอนนี้ก็ชัดเจน การแต่งตั้ง "นายพัน" สีกากี ระดับสารวัตร (สว.)-รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ทั่วประเทศ ประจำปี 2558 ที่ค้างเติ่งข้ามปีมา สุดท้ายก็เลื่อนอีกครั้ง หลัง บิ๊กเบิ้ม-พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย ผู้บัญชาการคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ผบช.สง.ก.ตร.) และเลขานุการคณะกรรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ส่งหนังสือเชิญคณะกรรมการฯ ประชุม ก.ตร. ครั้งที่ 3/2559 ที่ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 ตร. วันอังคารที่ 22 มี.ค.59 เวลา 10.00 น. ที่ บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่ จะนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานแทน บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีวาระขอขยายเวลาการแต่งตั้งระดับ สว.-รอง ผบก.ออกไปอีก 30 วัน จากเดิมถึงวันที่ 31 มี.ค. ขยายไปเป็นวันที่ 30 เม.ย.2559 ซึ่งนับจากสิ้นเดือน พ.ย.2558 ที่กำหนดเวลาเสร็จสิ้นครั้งแรก มาถึงปลาย เม.ย.2559 ก็ครบครึ่งปีพอดิบพอดี *แม้การแต่งตั้งตำรวจระดับ "นายพัน" จะยืดออกไปอีก 1 เดือนถึงสิ้นเดือน เม.ย. แต่กระบวนการแต่งตั้งเริ่มขยับขับเคลื่อนแล้ว เพราะ พล.ต.ท. วิสนุ ปราสาททองโอสถผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) ส่งหนังสือเวียนไปตาม บช.ทุกหน่วย ให้จัดทำบัญชีลำดับอาวุโสของข้าราชการตำรวจระดับรอง สว.-ผกก. ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนในการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เพื่อประกาศให้ตำรวจแต่ละนายทราบตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมเปิดโอกาสให้ตำรวจที่เห็นว่าลำดับอาวุโสไม่ถูกต้องสามารถยื่นต่อผู้มีอำนาจให้พิจารณาทบทวนได้ภายในวันที่ 22 มี.ค.นี้ *ต้องยอมรับการเดินหมากแก้เกม กระแสสังคมรุกจวก "ตำรวจ" ในการทำคดีรถเบนซ์ สีดำ รุ่น CLS63 AMG ทะเบียน ษง 3333 ของ "เจนภพ วีรพร" เจ้าของบริษัทนำเข้ารถหรู ชนท้ายรถเก๋งยี่ห้อฟอร์ด เฟียสต้า จนเกิดไฟลุกไหม้ ทำให้ 2 นักศึกษาปริญญาโทเสียชีวิต ที่ดูล่าช้าและเหมือนจะเอนเอียงช่วยเหลือเสี่ยรถเบนซ์ ด้วยการส่ง จูดี้-พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. ที่มีบุคลิกรอมชอมและเก่งด้านงานมวลชนสัมพันธ์ ลงมาติดตามเร่งรัดคดี แรงกระหน่ำสีกากีก็เลยลดอุณหภูมิลง แถมพอมาเร่งรัดคดี เร่งแจ้งข้อหาผู้กระทำผิด และโอนคดีจากโรงพักพระอินทร์ราชามาให้ภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาดำเนินการแทน พร้อมทั้ง บิ๊กช้าง-พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัยผบช.ภ. สั่งเด้ง พ.ต.อ.พงศ์พัฒน์ สุขสวัสดิ์ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา และ พ.ต.ท.สมศักดิ์ พลพันขาง รอง ผกก. (สอบสวน) สภ.พระอินทร์ราชา จ.พระนครศรีอยุธยา ไปประจำ ศปก.ภาค 1 เป็นเวลา 15 วัน
ควบคู่อีก ก็ทำให้โทนร้อนๆ จี้ก้น "ผบ.แป๊ะ" คลี่คลายลงไปพอสมควร *รวดเร็วปานกามนิตหนุ่มสำหรับ "โผทหาร" กลางปี เพราะ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำขึ้นทูลเกล้าฯ ไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อน และครั้งนี้ไม่มีโยกย้ายแบบถล่มทลายตามการทำนายของผู้สังเกตการณ์ด้านการทหาร โดยเฉพาะการรื้อ 5 เสือ ทบ.ใหม่ ใส่ "บิ๊กเข้" พล.ท.เทพพงศ์ ทิพยจันทร์ แม่ทัพภาคที่ 1 นายทหารที่ถูกขึ้นป้ายตราให้วางตัวเป็น ผบ.ทบ. สายบูรพาพยัคฆ์ ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่าน ไม่ได้บังเกิดขึ้นแต่อย่างใด สูตรการแพ็ก 5 เสือ ทบ.ให้
อยู่กับที่และจัดทัพแบบปกติแบบนี้ จึงทำให้ปลายปีน่าจะมีแค่ชื่อของ 2 แคนดิเดตที่ต้องชิงดำ คือ "บิ๊กเจี๊ยบ" พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผช.ผบ.ทบ.1 และ "บิ๊กแกละ" พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก เท่านั้น โดยทั้งสองมีจุดอ่อนและจุดแข็งต่างกัน แถมลมใต้ปีกก็แข็งแกร่งพอกัน งานนี้ก็อยู่ที่ 2 บิ๊กจะเลือกแบบไหน ระหว่าง "ไว้ใจ" หรือ "ใช้งาน" ซึ่งยังมีเวลาอีก 5-6 เดือนที่จะ "ฟันธง"*ข่าวฝาก... "กองบัญชาการกองทัพไทย" ขอเชิญบุคลากรทางการแพทย์และผู้ที่สนใจเข้าร่วมการประชุมวิชาการแพทย์ทหารกองทัพไทย หัวข้อ "HADR กับกองทัพไทย" วันอังคารที่ 22 มี.ค.59 เวลา 09.00-16.00 น. ณ ห้องประชุมอาคาร 15 กองบัญชาการกองทัพไทย ถ.แจ้งวัฒนะ กทม. รับฟังการบรรยายความรู้และประสบการณ์จริงจากผู้ปฏิบัติงาน พร้อมชมนิทรรศการแสดงผลงานการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติของแพทย์ทหารกองทัพไทย สอบถามรายละเอียดและสำรองที่นั่งที่ 0-2572-1084, 08-1628-3762 และ 09-2929-7953.
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2386295(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ข่าว หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ (เครดิต)-- อาทิตย์ที่ 20 มีนาคม 2559 00:00:16 น.
สุริยันต์ ทองหนูเอียด(เครดิต)
ดังเป็นที่รับทราบร่วมกันของสังคมว่ากลไกกระบวนการยุติธรรมที่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุดคือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ทัศนคติของประชาชนส่วนใหญ่กับตำรวจส่วนมากแล้วออกมาในทางลบ
"ข้อเสนอเบื้องต้นในการปรับปรุงการบริหารจัดการระบบงานตำรวจ" โดยคณะกรรมการพัฒนาระบบงานตำรวจ ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับ "ความเชื่อมั่นและทัศนคติของประชาชน" พบว่า
1.ประชาชนขาดความรู้สึกที่เป็นเจ้าของร่วม ในการรักษาความสงบเรียบร้อยภายในและในภารกิจงาน ของตำรวจ กอปรกับการที่ประชาชนให้ความร่วมมือกับตำรวจในการแจ้งข่าวสารเกี่ยวกับการกระทำผิดนั้น พบว่า ประชาชนเหล่านั้น มักจะไม่ได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินและไม่ได้รับความเป็นธรรม ถูกปองร้าย เพราะไม่มีมาตรการหรือกฎหมายมารองรับ
ประกอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง ทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวและความเชื่อมั่น ส่งผลให้ประชาชนไม่สนใจที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเท่าที่ควร
2.ทัศนคติในแง่ลบของประชาชนที่มีต่อตำรวจ การที่ตำรวจมีความสัมพันธ์กับการเมืองนั้นได้ส่ง ผลกระ ทบต่อมุมมอง เรื่องภาพลักษณ์ของประชาชนและสื่อ มวลชนที่มีต่อตำรวจ ทำให้ไม่อาจจะกล่าวได้ว่า ตำรวจ คือ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์อย่างแท้จริงเพราะเหตุที่ตำรวจไปมีส่วนสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับการเมือง ไม่มี การวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ทำให้ภาพพจน์ตำรวจตกต่ำเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน
3.ค่านิยมของการรับราชการตำรวจในสังคม ไทย คือ ผู้มีอำนาจ จากระบบการบริหารงานของตำรวจที่มีลักษณะกึ่งทหาร อาจทำให้เกิดทัศนคติที่ไม่ถูกต้องในลักษณะการแบ่งลักษณะทางชนชั้นทางสังคมขึ้นเป็นแบบชนชั้นปกครอง และชนชั้นผู้ถูกปกครอง ไม่ใช่เป็นลักษณะการให้บริการประชาชนในลักษณะผู้รับใช้ประชาชน ขณะเดียวกัน ค่านิยมในสังคมไทยนิยมยกย่องเชิดชูผู้มีอำนาจและมีอิทธิพล ซึ่งส่งผลและสนับสนุน ต่อการกระทำผิดของเจ้าพนักงานตำรวจ
"จากกระบวนการทางสังคมในลักษณะทางการปกครอง พบว่าตำรวจเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมสังคมให้อยู่ในภาวะสงบสุข แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนซึ่งเป็นผู้นำชุมชน หรือผู้นำท้องถิ่น และผู้ที่มีอิทธิพล ต่างพยายามเข้าหาตำรวจ เพื่อที่จะใช้อำนาจทางราชการไปในทางประโยชน์ของตน ดังนั้น การปะทะสังสรรค์ของกลุ่มบุคคลสองกลุ่มนี้จึงเป็นไปอย่างมีแบบแผนที่มีการพึ่งพิงกันอยู่ในหลายพื้นที่และในหลายระดับ ทั้งนี้เนื่องจากอำนาจหน้าที่ของตำรวจมีความครอบคลุมในเกือบทุกๆ ด้าน จึงทำให้กลุ่มบุคคลดังกล่าว ต้องการใกล้ชิดเพื่อขยายอิทธิพลออกไป หรือป้องกันการรุกรานจากกลุ่มอิทธิพลอื่น"
จากสภาพปัญหาที่กล่าวมาข้างต้น ได้มีการศึกษา วิเคราะห์จากรายงานการวิจัย บทความ เอกสารทางวิชาการ ได้มีข้อเสนอเบื้องต้นสำหรับแนวทาง ปรับปรุงพัฒนาระบบงานตำรวจ ดังนี้
ด้านโครงสร้างและการบริหารจัดการ ควรมีการ ถ่ายโอนภารกิจบางอย่างของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้แก่หน่วยงานที่มีหน้าที่โดยตรงเป็นผู้รับผิดชอบ โดยยังคงภารกิจหลัก (Core Business) เอาไว้สำหรับภารกิจรองและภารกิจสนับสนุน อาจจะแยกตัวไปในลักษณะอื่น ทั้งนี้ต้องให้ความสำคัญกับการปรับปรุง ยกเลิกหรือการโอนงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง
- ควรมีการปฏิรูป หรือ ปรับปรุงส่วนราชการใดๆ ควรคำนึงถึงเรื่องการกระจายอำนาจเป็นสำคัญ ดังนั้น จึงควรที่จะกำหนดวิธีการและระยะเวลาที่ชัดเจนในการกระจายอำนาจลงสู่ตำรวจภูธรจังหวัด หรือราชการส่วนท้องถิ่นอย่างเป็นรูปธรรม
- ควรผลักดันส่งเสริมให้มีการบริการประชาชนในภารกิจตำรวจเบ็ดเสร็จในระดับสถานีตำรวจด้วยการกระจายอำนาจทางการบริหารลงไปในระดับสถานีตำรวจหรือหน่วยปฏิบัติการที่รับผิดชอบในพื้นที่อันจะทำให้หน่วยงานในระดับพื้นที่สามารถดำเนินการได้อย่างมีอิสระ ไม่ต้องฟังส่วนกลาง
- ควรส่งเสริมให้มีการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่โดยการมอบหมายให้ ภาคเอกชนซึ่งมีหน้าที่อยู่แล้ว ร่วมดำเนินการหรือดำเนินการเองในภารกิจงานบางอย่าง เพราะในปัจจุบันตำรวจส่วนหนึ่งต้องสูญเสียกำลังพลไปปฏิบัติหน้าที่ธุรการหรืองานสนับสนุนต่างๆ ทั้งที่ เมื่ออดีตกรมตำรวจเคยใช้พลเรือนหรือข้าราชการตำรวจที่ไม่มียศเท่านั้นเป็นผู้ที่รับผิดชอบทำหน้าที่ดังกล่าว โดยให้ข้าราช การตำรวจที่ผ่านการฝึกอบรมในวิชาการตำรวจทำหน้าที่ในการป้องกัน ปราบปรามอาชญากรรมเท่านั้น
- ควรมีการปรับปรุงพัฒนาการจัดองค์กรของตำรวจจากรูปแบบกึ่งทหารเข้าสู่หลักการบริหารรัฐกิจ โดยนำเอาหลักการบริหารธุรกิจมาประยุกต์ใช้ในการบริหารงานตำรวจมากขึ้นและมีการบริหารที่เป็นระบบเปิดที่ให้ภาคประชาชนมีส่วนร่วมและการส่งเสริมให้ ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายควบคุมและตรวจสอบการบริหารกิจการตำรวจในรูปแบบของคณะกรรมการในระดับต่างๆ
- ควรมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบจากองค์การกึ่งทหารมาเป็นพลเรือน ปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการในรูปแบบเดิมไปสู่การบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีเน้นการ ให้บริการด้วยความเป็นธรรมและเสมอภาค ให้ความสำคัญกับมิติในด้านการให้บริการที่มี ความสำคัญไม่น้อย กว่าการปฏิบัติภารกิจหลัก
- ควรมีการแยกงานสอบสวน ออกจากงานสืบสวน หรืองานปราบปราม เพื่อให้เกิดดุลยภาพ ลักษณะของงานสอบสวน และการทำสำนวนการสอบสวน ถือเป็นกระบวนการยุติธรรมทางอาญาที่มีความต่อเนื่องในกระบวนการยุติธรรม โดยที่หน่วยงานตำรวจเป็นผู้รับผิดชอบ
"งานสอบสวนเป็นกระบวนการที่แตกต่างไปจาก งานป้องกันปราบปรามอาชญากรรมที่เน้นการป้องกันคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สิน ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของสังคม กระบวนการสอบสวน เริ่มเมื่อมีการกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างยิ่งของกระบวนการยุติธรรม กระบวนการสอบสวน เป็นกระบวนการที่มีผลต่อการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์มากที่สุด"
อีกทั้ง ยังมีข้อเสนอเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลและวิชาชีพตำรวจ เน้นระบบคุณธรรมและสร้างกลไกเพื่อส่งเสริมความเป็นกลางทางการเมือง การสรรหาและผลิตบุคลากรตำรวจชั้นสัญญาบัตรและชั้นประทวน, การพัฒนาบุคลากรและวิชาชีพตำรวจ, ระบบสวัสดิการค่าตอบแทนความก้าวหน้าของตำรวจชั้นประทวน และด้านการมีส่วนร่วมของประชาชนและกลไกในการตรวจสอบ และอื่นที่ควรนำมาปฏิบัติ
ถึงเวลาแล้วที่ต้องปฏิรูประบบงานตำรวจโดยทันที เพราะหากไม่ทำยุคนี้ ก็ยากที่จะทำในยุคต่อไป.
อ่านต่อได้ที่ : http://www.ryt9.com/s/tpd/2386328(เครดิต)
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น